วันนี้หม่าม๊า เล่าเรื่องที่ได้อ่านมาจากหนังสือพิมพ์จีน มาให้ฟัง
เป็นคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงเล่า
จำได้ว่าเคยอ่านจาก forward mail แล้ว ( เป็นภาษาไทย )
เลยเอามาให้อ่านกัน
.
.
.
เอามาจาก forward mail
เรียบเรียงให้อ่านง่ายโดย :: uisp :: dsin ::
เป็นคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงเล่า
จำได้ว่าเคยอ่านจาก forward mail แล้ว ( เป็นภาษาไทย )
เลยเอามาให้อ่านกัน
.
.
.
ในสมัยพุทธกาล พ่อค้ามหาเศรษฐีคนหนึ่งมีภรรยาสี่คน
เขาหลงรักภรรยาคนที่สี่มากที่สุด จึงมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอ
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า แพรพรรณอันงดงาม หรือ อาหารโอชะ
ขณะเดียวกัน เขาก็รักภรรยาคนที่สาม ภาคภูมิใจในตัวเธอมาก
และมักจะนำเธอไปอวด แก่เพื่อนฝูงอยู่เนืองๆ
แต่พ่อค้าก็อดกลัวไม่ได้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าสาวเจ้าอาจจะหนีตามชายอื่นไป
เขามีความรักให้ภรรยาคนที่สองด้วยเช่นกัน
เธอผู้นี้เป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีน้ำอดน้ำทน
และ เป็นภรรยาที่พ่อค้าสามารถไว้วางใจได้เสมอ
โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรค ปัญหาใดก็ตาม
พ่อค้าก็จะหันหน้าไปปรึกษาภรรยาผู้นี้
ซึ่งเธอก็ช่วยเหลือเขา ด้วยดีมาโดยตลอด
ฝ่ายภรรยาคนแรกนั้นเป็นคู่ชีวิตที่มั่นคงต่อสามี
ทั้งยังได้อุทิศตัวสอดส่องดูแลธุรกิจ
ตลอดจนเรื่องภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
..แต่อนิจจาพ่อค้ากลับไม่ได้รักตอบ..
รวมทั้งไม่ค่อยจะไยดีเธอสักเท่าไร
.
.
.
.
วันหนึ่ง เมื่อพ่อค้าล้มป่วยลง
รู้ว่าตนเองจะต้องจบชีวิตลงในไม่ช้า
เขาก็นึกถึง ชีวิตอันแสนสุขที่ได้ผ่านมา
และอดรำพึงรำพันกับตัวเองไม่ได้ว่า
“เราเองมีภรรยาถึงสี่คนที่รักเรา และเราก็หลงใหลพวกหล่อนมาก
แต่เมื่อถึงคราว ที่จะต้องตายลง เราก็ต้องโดดเดี่ยวเอกา...”
คิดได้ดังนั้น เขาจึงตามภรรยาคนที่สี่มา เพื่อสอบถามว่า
“ข้า รักเจ้ามากที่สุด
และที่ผ่านมาข้าก็ได้มอบผ้าผ่อนแพรพรรณอันงดงามให้
แก่เจ้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดี...
แต่ตอนนี้ข้ากำลังจะตาย
เจ้าคิดจะตาย ตามข้าหรือเปล่า”
“ไม่มีทาง”
หล่อนตอบ แล้วก็จากไปโดยไม่กล่าวอะไรอีก
อนิจจา คำตอบนั้น ช่างเปรียบเหมือนคมมีดกรีดเฉือนหัวใจพ่อค้าเลยทีเดียว
แล้วพ่อค้าเจ้าทุกข์ก็ถามคำเดียวกันนี้ กับภรรยาคนที่สาม คำตอบนี้คือ “ไม่!”
ถึงตอนนี้พ่อค้ากลับรู้สึกเหน็บหนาวร้าวลึกในหัวอก
เขาพูดกับ ภรรยาคนที่สองว่า
“ข้ามักจะหันหน้าไปหาเจ้าเสมอ
เมื่อมีเรื่อง ทุกข์ร้อน และเจ้าก็สามารถช่วยข้าได้ทุกครา
ถึงตอนนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าอีกครั้ง
เมื่อข้าตายลงเจ้าจะยอมตายตามข้าหรือไม่”
“ขอโทษที่ครั้งนี้ข้าไม่อาจช่วยท่านได้
อย่างมากที่สุดข้าก็จะอยู่จัดการเรื่อง ฌาปนกิจให้ท่านเท่านั้น”
คำตอบนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดทำให้พ่อค้าถึงกับตะลึงงัน
“ข้าจะอยู่กับท่านเสมอ จะติดตามท่านไปไม่ว่าจะเป็นที่ใด”
นี่เป็นคำตอบของภรรยาคนที่หนึ่ง
ผู้ที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขา บัดนี้หล่อนดูซูบลงมาก
เนื่องมาจากไม่ค่อยได้รับอาหารที่มีคุณค่าพ่อค้าตอบไปด้วยความเสียใจอย่าง
สุดซึ่งว่า “ข้าควรจะดูแลเจ้าให้ดีกว่านี้...”
.
.
.
ฉะนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
“ภรรยาคนที่สี่เปรียบเสมือนร่างกายของเรา
ไม่ว่าเราจะพยายามดูแลให้ดีสักเท่าไรก็ตาม มันก็ไม่จีรัง
ขณะที่ภรรยาคนที่สามเปรียบได้ดั่งอาชีพการงาน สถานะทางสังคม และความร่ำรวย
เมื่อเราตาย ทรัพย์สินก็ย่อมจะตกไปอยู่กับคนอื่น
คิดหรือว่าคนอื่นๆ เขาจะไม่มาเอาฐานะตำแหน่งของเราไป... "
“ภรรยาคนที่สองก็คือครอบครัวและเพื่อนๆของเรา
แม้เราจะได้อยู่ด้วยกันยามมีชีวิต
แต่ถึงที่สุดแล้วเขาจะอยู่กับเราได้อย่างมากที่สุดก็ในงานฌาปนกิจ... "
“ส่วนภรรยาคนแรกนั้นก็คือจิตวิญญาณของเราที่มักจะถูกละเลยลืมเลือน
เพราะเรามัวแต่ให้ความสนใจกับวัตถุและความทุกข์ทางกามารมณ์
ขณะที่จิตวิญญาณ นั้นเป็นสิ่งเดียวที่จะติดตามเราไปทุกที่" ...
เอามาจาก forward mail
เรียบเรียงให้อ่านง่ายโดย :: uisp :: dsin ::
ความคิดเห็น