อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - เที่ยวอินเดีย Mamallapuram, Tamil Nadu, India มามาละปุรัม รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนที่ 3 - ระหว่างทาง Kanchipuram
และแล้ว เช้า วันจันทร์ เราก็ออกเดินทางตั้งแต่ไก่โห่ เนื่องจากทริป เริ่มต้นที่เวลา 6:30 น.
เนื่องจากข้าวเช้าที่โรงแรมที่พักเริ่มตอน 7:00 เลยต้องยอมงดข้าวเช้าที่โรงแรม นั่งรถ auto ไปที่ TTDC จ้า
เนื่องจากทริปนี้ 500 rupee/คน รวมค่าอาหารเช้า และ อาหารกลางวันด้วย เลยไปรออาหารที่เขาจัดให้แทนจ้า
พูดถึงราคานิดนึง
จริงๆ แล้ว ต้องมีค่า เข้า Mamallapuram + Shore Temple อีกคนละ 250 rupee ( ตีตั๋วเดียวเข้าได้สองที่ )
แล้วก็ถ้าเข้า สวนสนุก VGP ก็เสียอีก 50 rupee น้ะจ้ะ
อินเดีย ยามเช้า ไม่วุ่นวาย เหมือนช่วงเร่งรีบ เราได้ยินเสียงนกกา แทนเสียงแตร ที่ได้ยินกันประจำ
ตามความคิดเรา คนอินเดีย บีบแตร เพื่อเตือนบอกว่า มีรถอยู่นะ ให้ขับระวังหน่อย ไม่ได้ใช้บีบเพื่อไล่
เลยมีเสียงแตรเต็มท้องถนนไปหมด
ยังดีที่เราไม่ได้ไปขับรถที่นั่น เพราะถ้าได้ไปขับแล้วชินกับการบีบแตรที่นั่น กลับมาบีบแตรที่นี่ จะโดนลูกตะกั่วส่องได้ง่ายๆ น้ะจ้ะ
ถ้ามองจากแผ่นพับ ในตอนที่แล้ว จะเห็นว่า มันมีสามราคาให้เลือก
ซึ่งเราถาม จากพนักงานที่ขายตั๋วในวันแรกแล้ว ปรากฏว่า เขาบอกว่า มีแต่ รถไม่แอร์น้ะจ้ะ
ซึ่งก็ไม่ร้อนมาก เพราะว่า พอรถวิ่ง ลมก็จะโกรกหน้า
นึกถึงตอนไปทัวร์ฉิ่งฉับเบยแจ้
แต่ถ้าคนนิยมแอร์ เราเอง ก็เห็นรถแบบนี้ เป็นแอร์ ไปรับที่โรงแรมเหมือนกัน
แต่เขาไปรับฝรั่ง เข้าใจว่า อาจจะจองเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อาจจะมากับทัวร์ หรืออะไรก็ตาม
ถ้าอยากนั่งแอร์ก็ลองถามเขาดูละกัน แต่นั่งไม่แอร์ก็ไม่ขี้เหร่นะ
เนื่องจากทัวร์เริ่มเช้ามาก เลยได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิต ของคนอินเดีย ยามเช้า
ซึ่ง เข้าใจว่า ทัวร์ออกจาก นครเจนไน ( chennai, tamil nadu ) ไปยัง kancheepuram ก่อน แล้วค่อยไป mamallapuram น้ะจ้ะ
จากที่อยู่ในเมือง เจนไน ก็จะเห็นวิถีแบบ เมืองๆ แต่พอล้อหมุนออกข้างนอก เริ่มเป็นวิถีแบบชนบท ทันที
อย่างรูปข้างบน มีฝูงวัว เดินตามท้องถนน เหมือนชานเมืองเมืองไทยเลยจ้า ใครยังไม่เคยเห็น ไม่ต้องไปไหนไกล แค่ ABAC บางนา ก็มีแล้วจ้า
รูปข้างบนที่ฉายจาก บนรถน้ะจ้ะ ไม่ได้ไปลงภาคสนามจ้า
ระหว่างทาง ผ่านมหาวิทยาลัย หรูๆ หลายมหาลัยอยู่เหมือนกัน
ทางเข้าหรูดี และมองเข้าไปข้างในก็เจ๋งนะ
เป็นทางเข้าไปลึกเหมือนกัน เข้าใจว่ามหาวิทยาลัยอยู่กลางทุ่งเลยจ้า
เห็นพวก Engineering School, แล้วก็โรงเรียนสอนพยาบาล, แล้วก็มีโรงเรียนที่ตั้งโดย Dr. คนโน้น คนนี้อีกต่างหาก
เห็นได้ว่า คนอินเดียให้ความสำคัญกับการศึกษา เหมือนกันน้ะจ้ะ
อย่างหนังสือที่ร้านหนังสือ Higginbothams ซึ่งเป็นร้านหนังสือเก่าแก่ ยังมีชั้น 2 ทั้งชั้น เป็นหนังสือ textbook วิชาการ ภาษาอังกฤษ
คล้ายๆ ศูนย์หนังสือจุฬาที่สยาม บ้านเราเลย
จริงๆ ถ้าจะเที่ยวเอง แนะนำให้ไปหาหนังสือ หรือ แผ่นพับท่องเที่ยว
ถ้าไม่ขอจาก TTDC ที่ร้านหนังสือ Higginbothams ก็มีเยอะอยู่นะ เป็นภาษาอังกฤษ ( Higginbothams ตั้งอยู่บนถนน Anna Salai จ้า )
เพราะจากประสบการณ์หาหนังสือเดินทางไปยัง เชนไน ที่ร้านหนังสือไทย ไม่ว่าจะเป็น
se-ed มาบุญครอง, se-ed สยามเซ็นเตอร์, B2S เซ็นทรัลเวอร์, TBT, ร้านนายอินทร์ MBK, แทบจะไม่มีเลยจ้า
ส่วนใหญ่หนังสือจะพาเที่ยว เกาหลี ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น อะไรเทือกๆ นั้นซะเยอะ
หนังสือนำเที่ยวอินเดีย ก็มีอยู่บ้าง เล่มที่ตรงๆ เลย ก็คือ "อินเดีย เริ่มที่นี่ ทมิฬนาฑู" ของ เมืองโบราณ จ้า
ตอนนั้นเห็นมีขายใน se-ed สยามเซ็นเตอร์ และ ร้านนายอินทร์ MBK น้ะจ้ะ
แต่หนังสือจะแนะการท่องเที่ยวของเมืองทั้งหลายแหล่ใน ทั้งรัฐ ทมิฬนาฑู เลยจ้า
เจนไน มีอยู่ 10 หน้าได้มั้ง
ซึ่งจำได้ว่า ถ้าอ่านจากในหนังสือแล้ว หน้าถัดจาก เจนไน คือ กาญจีปุรัม
เป็นชื่อสถานที่ที่ชื่อ โคปุรัม ซึ่งตอนนั้นก็เห็นว่าสวยดี ( มีในโปสการ์ดที่ซื้อมาด้วยน่ะ )
ยังคิดอยู่เลยว่าอยู่คนละเมือง ไม่มีโอกาสได้ไป
แต่ปรากฎว่า อยู่ในทริปนี้ด้วย โชคดีจัง
หนังสือ ราคาตามปก 380 บาท แพงเหมือนกันนะ ตอนนั้นยังคิดว่า ใช้แค่ 10 หน้า แต่จริงๆ ได้ใช้ถึง กาญจีปุรัม และ มามัลละปุรัม ด้วย
แต่ถ้าจะเอาแบบเจาะลึกก็แผ่นพับจาก TTDC ก็ work ดี หรือหนังสือหรือแผ่นพับท่องเที่ยว ในร้าน Higginbothams ก็โอเคเลยจ้า
คนบนตึกคุยกันข้ามบ้าน นี่เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยๆจากที่ผ่านไปยามเช้าเลยจ้า อย่างรูปข้างล่างเป็นสองคน ยืนแปรงฟันน้ะจ้ะ
อินเดีย เป็นประเทศที่ บีบแตร เตือนกัน บนท้องถนนเยอะมาก และ ใช้พื้นที่ถนนคุ้มมาก
อย่างเคยว่า รถ auto ที่ว่าจ้าง ขับรถสวนเลนเข้าไปกลับรถ ตรงรถที่ติดไฟแดงอยู่
ตอนแรกก็ตกใจ ว่า มันจะขับสวนเลน แต่พอมันหันหัวกลับออกมาก็เพิ่งรู้ว่า กลับรถ
รถ auto (สามล้อ) เขาซอกแซก พอๆ กับ มอเตอร์ไซด์บ้านเราเลยจ้า
แล้วก็รถส่วนใหญ่เป็นรถเล็ก ใช้พื้นที่ถนนทุกตารางนิ้วได้คุ้มค่ามาก
รถใหญ่ก็ขับยากหน่อยเพราะว่า ซอกแซกลำบาก
ไม่เว้นไม่แต่ รถของโรงแรม น้ะจ้ะ
ตอนขับมาส่งที่สนามบิน ก็ยึดหลักเหมือนรถคันอื่นๆ บนท้องถนนจ้า คือ
"ขับคร่อมเลน บีบแตร เปิดไฟสูง"
แต่ที่แปลกใจก็ คือ ไม่เห็นอุบัติเหตุนะ skill แต่ละคนสูงส่งจริงๆ
ทริปนี้ได้เห็นรถตุ๊กๆ ของเขา เสยกับ สิบล้อ จ่ะ
ล้อ ตุ๊ก ตุ๊ก ยังหมุนอยู่เลย ยังดีคนขับไม่เป็นอะไร
ทำรถติดกันเลยทีเดียว เห็นว่าแปลกดี เลยถ่ายมาให้ดูกัน
เนื่องจากข้าวเช้าที่โรงแรมที่พักเริ่มตอน 7:00 เลยต้องยอมงดข้าวเช้าที่โรงแรม นั่งรถ auto ไปที่ TTDC จ้า
เนื่องจากทริปนี้ 500 rupee/คน รวมค่าอาหารเช้า และ อาหารกลางวันด้วย เลยไปรออาหารที่เขาจัดให้แทนจ้า
พูดถึงราคานิดนึง
จริงๆ แล้ว ต้องมีค่า เข้า Mamallapuram + Shore Temple อีกคนละ 250 rupee ( ตีตั๋วเดียวเข้าได้สองที่ )
แล้วก็ถ้าเข้า สวนสนุก VGP ก็เสียอีก 50 rupee น้ะจ้ะ
รถโล่ง ไม่วุ่นวาย เหมือนตอนกลางวัน
อินเดีย ยามเช้า ไม่วุ่นวาย เหมือนช่วงเร่งรีบ เราได้ยินเสียงนกกา แทนเสียงแตร ที่ได้ยินกันประจำ
ตามความคิดเรา คนอินเดีย บีบแตร เพื่อเตือนบอกว่า มีรถอยู่นะ ให้ขับระวังหน่อย ไม่ได้ใช้บีบเพื่อไล่
เลยมีเสียงแตรเต็มท้องถนนไปหมด
ยังดีที่เราไม่ได้ไปขับรถที่นั่น เพราะถ้าได้ไปขับแล้วชินกับการบีบแตรที่นั่น กลับมาบีบแตรที่นี่ จะโดนลูกตะกั่วส่องได้ง่ายๆ น้ะจ้ะ
ถ้ามองจากแผ่นพับ ในตอนที่แล้ว จะเห็นว่า มันมีสามราคาให้เลือก
ซึ่งเราถาม จากพนักงานที่ขายตั๋วในวันแรกแล้ว ปรากฏว่า เขาบอกว่า มีแต่ รถไม่แอร์น้ะจ้ะ
ซึ่งก็ไม่ร้อนมาก เพราะว่า พอรถวิ่ง ลมก็จะโกรกหน้า
นึกถึงตอนไปทัวร์ฉิ่งฉับเบยแจ้
แต่ถ้าคนนิยมแอร์ เราเอง ก็เห็นรถแบบนี้ เป็นแอร์ ไปรับที่โรงแรมเหมือนกัน
แต่เขาไปรับฝรั่ง เข้าใจว่า อาจจะจองเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อาจจะมากับทัวร์ หรืออะไรก็ตาม
ถ้าอยากนั่งแอร์ก็ลองถามเขาดูละกัน แต่นั่งไม่แอร์ก็ไม่ขี้เหร่นะ
ระหว่างทางไป Mamallapuram จ้า
เนื่องจากทัวร์เริ่มเช้ามาก เลยได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิต ของคนอินเดีย ยามเช้า
ซึ่ง เข้าใจว่า ทัวร์ออกจาก นครเจนไน ( chennai, tamil nadu ) ไปยัง kancheepuram ก่อน แล้วค่อยไป mamallapuram น้ะจ้ะ
จากที่อยู่ในเมือง เจนไน ก็จะเห็นวิถีแบบ เมืองๆ แต่พอล้อหมุนออกข้างนอก เริ่มเป็นวิถีแบบชนบท ทันที
อย่างรูปข้างบน มีฝูงวัว เดินตามท้องถนน เหมือนชานเมืองเมืองไทยเลยจ้า ใครยังไม่เคยเห็น ไม่ต้องไปไหนไกล แค่ ABAC บางนา ก็มีแล้วจ้า
ผมคิดว่า เขาเลยไม่กินเนื้อวัวกัน
รูปข้างบนที่ฉายจาก บนรถน้ะจ้ะ ไม่ได้ไปลงภาคสนามจ้า
ระหว่างทาง ผ่านมหาวิทยาลัย หรูๆ หลายมหาลัยอยู่เหมือนกัน
ทางเข้าหรูดี และมองเข้าไปข้างในก็เจ๋งนะ
เป็นทางเข้าไปลึกเหมือนกัน เข้าใจว่ามหาวิทยาลัยอยู่กลางทุ่งเลยจ้า
เห็นพวก Engineering School, แล้วก็โรงเรียนสอนพยาบาล, แล้วก็มีโรงเรียนที่ตั้งโดย Dr. คนโน้น คนนี้อีกต่างหาก
เห็นได้ว่า คนอินเดียให้ความสำคัญกับการศึกษา เหมือนกันน้ะจ้ะ
อย่างหนังสือที่ร้านหนังสือ Higginbothams ซึ่งเป็นร้านหนังสือเก่าแก่ ยังมีชั้น 2 ทั้งชั้น เป็นหนังสือ textbook วิชาการ ภาษาอังกฤษ
คล้ายๆ ศูนย์หนังสือจุฬาที่สยาม บ้านเราเลย
จริงๆ ถ้าจะเที่ยวเอง แนะนำให้ไปหาหนังสือ หรือ แผ่นพับท่องเที่ยว
ถ้าไม่ขอจาก TTDC ที่ร้านหนังสือ Higginbothams ก็มีเยอะอยู่นะ เป็นภาษาอังกฤษ ( Higginbothams ตั้งอยู่บนถนน Anna Salai จ้า )
เพราะจากประสบการณ์หาหนังสือเดินทางไปยัง เชนไน ที่ร้านหนังสือไทย ไม่ว่าจะเป็น
se-ed มาบุญครอง, se-ed สยามเซ็นเตอร์, B2S เซ็นทรัลเวอร์, TBT, ร้านนายอินทร์ MBK, แทบจะไม่มีเลยจ้า
ส่วนใหญ่หนังสือจะพาเที่ยว เกาหลี ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น อะไรเทือกๆ นั้นซะเยอะ
หนังสือนำเที่ยวอินเดีย ก็มีอยู่บ้าง เล่มที่ตรงๆ เลย ก็คือ "อินเดีย เริ่มที่นี่ ทมิฬนาฑู" ของ เมืองโบราณ จ้า
ตอนนั้นเห็นมีขายใน se-ed สยามเซ็นเตอร์ และ ร้านนายอินทร์ MBK น้ะจ้ะ
แต่หนังสือจะแนะการท่องเที่ยวของเมืองทั้งหลายแหล่ใน ทั้งรัฐ ทมิฬนาฑู เลยจ้า
เจนไน มีอยู่ 10 หน้าได้มั้ง
ซึ่งจำได้ว่า ถ้าอ่านจากในหนังสือแล้ว หน้าถัดจาก เจนไน คือ กาญจีปุรัม
เป็นชื่อสถานที่ที่ชื่อ โคปุรัม ซึ่งตอนนั้นก็เห็นว่าสวยดี ( มีในโปสการ์ดที่ซื้อมาด้วยน่ะ )
ยังคิดอยู่เลยว่าอยู่คนละเมือง ไม่มีโอกาสได้ไป
แต่ปรากฎว่า อยู่ในทริปนี้ด้วย โชคดีจัง
หนังสือ ราคาตามปก 380 บาท แพงเหมือนกันนะ ตอนนั้นยังคิดว่า ใช้แค่ 10 หน้า แต่จริงๆ ได้ใช้ถึง กาญจีปุรัม และ มามัลละปุรัม ด้วย
แต่ถ้าจะเอาแบบเจาะลึกก็แผ่นพับจาก TTDC ก็ work ดี หรือหนังสือหรือแผ่นพับท่องเที่ยว ในร้าน Higginbothams ก็โอเคเลยจ้า
คนบนตึกคุยกันข้ามบ้าน นี่เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยๆจากที่ผ่านไปยามเช้าเลยจ้า อย่างรูปข้างล่างเป็นสองคน ยืนแปรงฟันน้ะจ้ะ
อินเดีย เป็นประเทศที่ บีบแตร เตือนกัน บนท้องถนนเยอะมาก และ ใช้พื้นที่ถนนคุ้มมาก
อย่างเคยว่า รถ auto ที่ว่าจ้าง ขับรถสวนเลนเข้าไปกลับรถ ตรงรถที่ติดไฟแดงอยู่
ตอนแรกก็ตกใจ ว่า มันจะขับสวนเลน แต่พอมันหันหัวกลับออกมาก็เพิ่งรู้ว่า กลับรถ
รถ auto (สามล้อ) เขาซอกแซก พอๆ กับ มอเตอร์ไซด์บ้านเราเลยจ้า
แล้วก็รถส่วนใหญ่เป็นรถเล็ก ใช้พื้นที่ถนนทุกตารางนิ้วได้คุ้มค่ามาก
รถใหญ่ก็ขับยากหน่อยเพราะว่า ซอกแซกลำบาก
ไม่เว้นไม่แต่ รถของโรงแรม น้ะจ้ะ
ตอนขับมาส่งที่สนามบิน ก็ยึดหลักเหมือนรถคันอื่นๆ บนท้องถนนจ้า คือ
"ขับคร่อมเลน บีบแตร เปิดไฟสูง"
แต่ที่แปลกใจก็ คือ ไม่เห็นอุบัติเหตุนะ skill แต่ละคนสูงส่งจริงๆ
ทริปนี้ได้เห็นรถตุ๊กๆ ของเขา เสยกับ สิบล้อ จ่ะ
ล้อ ตุ๊ก ตุ๊ก ยังหมุนอยู่เลย ยังดีคนขับไม่เป็นอะไร
ทำรถติดกันเลยทีเดียว เห็นว่าแปลกดี เลยถ่ายมาให้ดูกัน
รถ auto ชนกับ รถ สิบล้อ
จบแล้วจ้ะ อันนี้เป็นภาพระหว่างทาง
ขอยืมข้อความจากรายการ หนังพาไป น้ะจ้ะ ว่า
"จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม"
ขอยืมข้อความจากรายการ หนังพาไป น้ะจ้ะ ว่า
"จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม"
แต่คราวนี้ จุดหมายปลายทาง ก็งดงาม แต่อยากเอาภาพที่ฉายระหว่างทาง มาให้ชมกันจ้ะ
ตอนหน้าเราจะจอดรถแล้วเข้าไปชม กาญจีปุรัม แล้วจ้า
ต่อตอนหน้าจ่ะ
อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - เที่ยวอินเดีย Mamallapuram, Tamil Nadu, India มามาละปุรัม รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนที่ 4 - เทวาลัย เอกัมพเรศวร Kanchipuram
ลิงก์ของ สองตอนก่อน เผื่อสนใจกันน้ะจ้ะ
อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - เที่ยวอินเดีย Mamallapuram, Tamil Nadu, India มามาละปุรัม รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนที่ 1 - รถเมล์ที่อินเดีย
อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - เที่ยวอินเดีย Mamallapuram, Tamil Nadu, India มามาละปุรัม รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนที่ 2 - TTDC ( Tamil Nadu Tourism Center )
ตอนหน้าเราจะจอดรถแล้วเข้าไปชม กาญจีปุรัม แล้วจ้า
ต่อตอนหน้าจ่ะ
อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - เที่ยวอินเดีย Mamallapuram, Tamil Nadu, India มามาละปุรัม รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนที่ 4 - เทวาลัย เอกัมพเรศวร Kanchipuram
ลิงก์ของ สองตอนก่อน เผื่อสนใจกันน้ะจ้ะ
อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - เที่ยวอินเดีย Mamallapuram, Tamil Nadu, India มามาละปุรัม รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนที่ 1 - รถเมล์ที่อินเดีย
อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - เที่ยวอินเดีย Mamallapuram, Tamil Nadu, India มามาละปุรัม รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนที่ 2 - TTDC ( Tamil Nadu Tourism Center )
ความคิดเห็น