เหตุเกิดจาก รถติด ตรงด่านที่ข้ามจากมาเลเซีย กับ สิงคโปร์ เราผ่านมาเลมาแล้ว กำลังมุ่งหน้าไปด่านสิงคโปร์ มันติดนานมาก มันเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ขนาดคนที่จะข้ามด่านไปทำงานที่สิงคโปรยังออกมาเดินกัน คนที่อยู่ในรถก็สลับคนขับกันตั้งหลายครั้ง แล้วเพื่อนคนนึงปวดฉี่ไม่ไหว เลยลงไปกวักมอไซด์ไปเพื่อที่จะเข้าส้วมที่ด่าน สิงคโปร์
แต่พอเราไปจอดรอที่ด่านสิงคโปร์กลับไม่เจอนาง มารู้เอาทีหลังว่า รถมอเตอร์ไซด์ที่เข้าด่านสิงคโปร์ จะต้องมีหมวกกันน็อค แต่เธอไม่มี เพราะตามกฏหมายสิงคโปร์ต้องใส่หมวกกันน็อค ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่ข้ามด่านมาเลมาจึงยังไม่ใส่หมวกกันน็อค แต่พอข้ามด่านมาต้องใส่ แต่เธอไม่มี และเราก็ไม่รู้ว่า คนอินเดีย ที่เธอซ้อนมามีหมวกอีกใบหรือไม่ ก็เลยไม่รู้ว่า เข้าเมืองมาหรือยัง ไปหาตำรวจที่ด่านให้ช่วยเช็ค เขาบอกว่ายังไม่เข้ามา เรารออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตำรวจพยายามช่วยหา ตำรวจถามเบอร์โทรให้โทรไปหาแต่เธอไม่ได้เอาโทรศัพท์ลงไป ไม่ได้เอาเงินลงไปด้วย ตอนนั้นที่เธอมีติดตัวมีเพียง passport ที่ผมวิ่งออกไปให้เท่านั้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ตำรวจบอกเราว่า เราไม่สามารถจอดรถอยู่ตรงด่านได้นาน โทรศัพท์เราก็ไม่มี เน็ตเราก็ไม่มี ไม่สามารถติดต่อคนที่มาเลได้
เราเลยมุ่งหน้าไปสนามบินชางฮี หลังจากที่เราถึงชางฮี เราขอเบอร์ immegration เพื่อโทรไป แต่เบอร์นึงสายไม่ว่าง อีกเบอร์ไม่มีคนรับ เราโทรไปสถานทูตสิงคโปร์ในไทย ต่อสายภาษาไทย เขาบอกสายไม่ว่าง เราเลยต่อเป็นภาษาอังกฤษ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ให้โอนเข้าไปเป็นภาษาไทย เจ้าหน้าที่สถานทูตแนะนำว่า ให้แจ้งตำรวจไว้ก่อน และให้แจ้งสถานทูตมาเล เพราะไม่รู้ว่า เธอข้ามด่านมาหรือยัง
เราเลยเลื่อนตั๋ว ซึ่งตอนแรกเที่ยวบินที่เราจะใช้กลับคือ สี่โมง ของเธอกับเพื่อนอีกคนคือ หกโมงครึ่ง เราก็นึกว่าจะเลื่อนของเราไปหกโมงครึ่ง แต่เจ้าหน้าที่บอกรอบนั้นเต็ม เนื่องจากวันจันทร์เป็นวันหยุดยาวช่วงหลังรอมดอนของเขาพอดี คนบินออกนอกประเทศเยอะ ไฟล์ทเลยเต็มหมด เราถามของพรุ่งนี้เขาก็บอกว่าเต็ม รอบที่กลับได้คือวันอาทิตย์ เราเลยจองห้องพักที่โรงแรมที่สนามบิน 2 คืน เอาสัมภาระของเราทั้งหมดไปไว้ที่ห้องพัก เตรียมซื้อซิมการ์ด และ หารถบัสนั่งกลับไปหาที่ด่านสิงคโปรอีกครั้ง
แต่ที่สนามบิน เราเจอเธอ
เธอเล่าให้เราฟังว่า พอใกล้ถึงด่าน เธอไม่มีหมวกกันน็อค ก็เลยลงไปทางคนเดินเข้าเมือง เดินผ่านบันไดวน สองสามชั้น ไปเข้าห้องน้ำ สแตมป์ passport แล้วจะเดินย้อนกลับไปด่านมาเล แต่ดันเจอตำรวจสิงคโปรเรียก บอกว่า มีพาสปอร์ต แต่ทำไมไม่มีกระเป๋า เลยโดนเรียกไปในห้องกักตัว แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยออกมา (ยังดีที่มีพาสปอร์ต ถ้าไม่มีต้องเสียค่าปรับ แต่ตอนนั้นเธอไม่มีเงิน คนขับรถบอกว่าเราว่าต้องเข้าคุก 6 เดือน ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ) เธอเดินหาเรา เดินไปรอตรงป้ายรถที่รถเราวนหาเธอสองรอบก่อนไปสนามบินก่อนหน้าแล้ว เธอไปเจอตำรวจที่เราแจ้งไว้ ตำรวจบอกเราออกไปสนามบินแล้ว เธอเลยขอเงินสาวจีน 6 SGD เพื่อนั่งรถจากด่านมายังสนามบิน เธอให้ line น้องชายเขาไป เพื่อคราวหน้าจะได้ติดต่อกันเพื่อเอามาคืน และสุดท้ายเราเจอกันที่สนามบิน
ตอนนั้นยังไม่หกโมงครึ่ง เราพยายามจะเลื่อนไฟล์ทกลับไปเป็นไฟล์ทเดิม แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเต็มแล้ว เพราะหลังจากเราเอาที่ออก คนอื่นจองไปเรียบร้อยแล้ว ทางเบื้องบนแจ้งลงมาว่า ให้หาไฟล์ทกลับ คืนนี้ หรือไม่ก็ พรุ่งนี้ เคาท์เตอร์บินไทยปิด(ไม่รู้ทำไม) มีไฟล์ท รอบสี่ทุ่มของสายการบิน ethiopian airlines แต่เราไม่สามารถจองได้ มาจองได้ของไทเกอร์แอร์รอบ 8.25 วันรุ่งขึ้น เราเลยต้องพักที่สนามบิน 1 คืน เพื่อกลับไปวันรุ่งขึ้น ไทเกอร์แอร์เป็น lowcost airline เครื่องบินลำเล็ก แต่ราคาไม่เล็กเลย เพราะว่า เราจองช่วงที่ตั๋วเป็นที่ต้องการ ปกติตั๋วไปกลับ 20,000 THB แต่คราวนี้เที่ยวเดียว 16,000 THB มารู้เอาตอนหลังว่าไม่มีอาหารเสริฟบนเครื่องด้วย ตอนเช้าเลยหิวเบย
ปล
- น้ำเปล่าที่คราวก่อนเจอแพงๆ ที่เซเว่น กลับเหลือแค่ 0.70 SGD / ขวด 1 ลิตร ที่ร้านอื่นในสนามบิน
- CROWN PLAZA โรงแรมในสนามบิน แพงมากกกกก คืนละ 12,000 THB (แพงพอๆกับโรงแรมใจกลางนิวยอร์ค 499 US Dollar ) ได้ห้องสูบบุหรี่ด้วย เพราะห้องอื่นมันเต็ม
- ทางสถานทูตสิงคโปร์เตือนเราว่า ไม่ควรออกมาโบกรถ เพราะทางมาเลไม่เหมือนทางไทย อาจเกิดเรื่องได้ เขานึกว่าเราเป็นวัยรุ่นมาแบ๊คแพคกัน แต่จริงๆเป็นเพราะเราจะไปเข้าห้องน้ำ แหะๆ
- อาหารที่ Foodcourt ที่สนามบิน ราคา 5 SGD ที่อื่นราวๆ 10SGDกว่าๆ ต่อหนึ่งจาน
Foodcourt อยู่ T3 ชั้น B2 แต่คนเยอะมากต้องหาที่นั่งเอาเอง บางทีก็แชร์ที่นั่งกับคนอื่น
เราไปขอเขานั่ง เขาตอบมาเป็นภาษาจีน แถมภาษาจีนเราก็ก็งูๆปลาๆ (เขาบอกว่ามีคนนั่ง แต่เราฟังเป็นนั่งได้ เวรกรำ มาสำนึกได้ตอนนั่งไปแล้ว เขาคงด่าอ่ะ แต่ช่างแม่ม น้่งไปแล้ว) แล้วก็ Foodcourt ใช้บัตรแทนเงินสด เหมือนบ้านเรา แต่ต่างกันตรงที่ว่า ใช้เงินสดได้ด้วย และบัตรมีค่าเติมขั้นต่ำ เพราะเรายื่น 20 SGD ไปพนักงานที่บัตรทำหน้าเหมือนเงินเราน้อยนิด และเรียกให้ไปซื้อเงินสด
- การบินไทย อยู่ T1, สิงคโปร์แอร์ไลน์ อยู่ T2, tiger air ก็อยู่ T2, โรงแรม CROWN PLAZA อยู่ T3, มี billboard บอกตรงใกล้ๆ รถไฟข้าม terminal ว่า สายการบินอะไรอยู่ T อะไร
- T2 ไม่มี starbuck มีแค่ T1 กับ T3, และ เบอร์เกอร์คิง มีที่ T1
- ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญไม่กินเหรียญมั่วเหมือนที่ไทย ทางเดียวที่มันจะกินเหรียญคือ เขารับแล้ววางสาย ไม่ว่าจะเหลือเงินเท่าไหร่ กินเรียบ นอกนั้นน่าจะคืนนะจากที่กดๆมาหลายๆรอบ
- กุควรไปออก แฟนพันธุ์แท้สนามบินชางฮีได้แล้ว เดินเป็นสิบๆรอบ
แต่พอเราไปจอดรอที่ด่านสิงคโปร์กลับไม่เจอนาง มารู้เอาทีหลังว่า รถมอเตอร์ไซด์ที่เข้าด่านสิงคโปร์ จะต้องมีหมวกกันน็อค แต่เธอไม่มี เพราะตามกฏหมายสิงคโปร์ต้องใส่หมวกกันน็อค ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่ข้ามด่านมาเลมาจึงยังไม่ใส่หมวกกันน็อค แต่พอข้ามด่านมาต้องใส่ แต่เธอไม่มี และเราก็ไม่รู้ว่า คนอินเดีย ที่เธอซ้อนมามีหมวกอีกใบหรือไม่ ก็เลยไม่รู้ว่า เข้าเมืองมาหรือยัง ไปหาตำรวจที่ด่านให้ช่วยเช็ค เขาบอกว่ายังไม่เข้ามา เรารออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตำรวจพยายามช่วยหา ตำรวจถามเบอร์โทรให้โทรไปหาแต่เธอไม่ได้เอาโทรศัพท์ลงไป ไม่ได้เอาเงินลงไปด้วย ตอนนั้นที่เธอมีติดตัวมีเพียง passport ที่ผมวิ่งออกไปให้เท่านั้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ตำรวจบอกเราว่า เราไม่สามารถจอดรถอยู่ตรงด่านได้นาน โทรศัพท์เราก็ไม่มี เน็ตเราก็ไม่มี ไม่สามารถติดต่อคนที่มาเลได้
เราเลยมุ่งหน้าไปสนามบินชางฮี หลังจากที่เราถึงชางฮี เราขอเบอร์ immegration เพื่อโทรไป แต่เบอร์นึงสายไม่ว่าง อีกเบอร์ไม่มีคนรับ เราโทรไปสถานทูตสิงคโปร์ในไทย ต่อสายภาษาไทย เขาบอกสายไม่ว่าง เราเลยต่อเป็นภาษาอังกฤษ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ให้โอนเข้าไปเป็นภาษาไทย เจ้าหน้าที่สถานทูตแนะนำว่า ให้แจ้งตำรวจไว้ก่อน และให้แจ้งสถานทูตมาเล เพราะไม่รู้ว่า เธอข้ามด่านมาหรือยัง
เราเลยเลื่อนตั๋ว ซึ่งตอนแรกเที่ยวบินที่เราจะใช้กลับคือ สี่โมง ของเธอกับเพื่อนอีกคนคือ หกโมงครึ่ง เราก็นึกว่าจะเลื่อนของเราไปหกโมงครึ่ง แต่เจ้าหน้าที่บอกรอบนั้นเต็ม เนื่องจากวันจันทร์เป็นวันหยุดยาวช่วงหลังรอมดอนของเขาพอดี คนบินออกนอกประเทศเยอะ ไฟล์ทเลยเต็มหมด เราถามของพรุ่งนี้เขาก็บอกว่าเต็ม รอบที่กลับได้คือวันอาทิตย์ เราเลยจองห้องพักที่โรงแรมที่สนามบิน 2 คืน เอาสัมภาระของเราทั้งหมดไปไว้ที่ห้องพัก เตรียมซื้อซิมการ์ด และ หารถบัสนั่งกลับไปหาที่ด่านสิงคโปรอีกครั้ง
แต่ที่สนามบิน เราเจอเธอ
เธอเล่าให้เราฟังว่า พอใกล้ถึงด่าน เธอไม่มีหมวกกันน็อค ก็เลยลงไปทางคนเดินเข้าเมือง เดินผ่านบันไดวน สองสามชั้น ไปเข้าห้องน้ำ สแตมป์ passport แล้วจะเดินย้อนกลับไปด่านมาเล แต่ดันเจอตำรวจสิงคโปรเรียก บอกว่า มีพาสปอร์ต แต่ทำไมไม่มีกระเป๋า เลยโดนเรียกไปในห้องกักตัว แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยออกมา (ยังดีที่มีพาสปอร์ต ถ้าไม่มีต้องเสียค่าปรับ แต่ตอนนั้นเธอไม่มีเงิน คนขับรถบอกว่าเราว่าต้องเข้าคุก 6 เดือน ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ) เธอเดินหาเรา เดินไปรอตรงป้ายรถที่รถเราวนหาเธอสองรอบก่อนไปสนามบินก่อนหน้าแล้ว เธอไปเจอตำรวจที่เราแจ้งไว้ ตำรวจบอกเราออกไปสนามบินแล้ว เธอเลยขอเงินสาวจีน 6 SGD เพื่อนั่งรถจากด่านมายังสนามบิน เธอให้ line น้องชายเขาไป เพื่อคราวหน้าจะได้ติดต่อกันเพื่อเอามาคืน และสุดท้ายเราเจอกันที่สนามบิน
ตอนนั้นยังไม่หกโมงครึ่ง เราพยายามจะเลื่อนไฟล์ทกลับไปเป็นไฟล์ทเดิม แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเต็มแล้ว เพราะหลังจากเราเอาที่ออก คนอื่นจองไปเรียบร้อยแล้ว ทางเบื้องบนแจ้งลงมาว่า ให้หาไฟล์ทกลับ คืนนี้ หรือไม่ก็ พรุ่งนี้ เคาท์เตอร์บินไทยปิด(ไม่รู้ทำไม) มีไฟล์ท รอบสี่ทุ่มของสายการบิน ethiopian airlines แต่เราไม่สามารถจองได้ มาจองได้ของไทเกอร์แอร์รอบ 8.25 วันรุ่งขึ้น เราเลยต้องพักที่สนามบิน 1 คืน เพื่อกลับไปวันรุ่งขึ้น ไทเกอร์แอร์เป็น lowcost airline เครื่องบินลำเล็ก แต่ราคาไม่เล็กเลย เพราะว่า เราจองช่วงที่ตั๋วเป็นที่ต้องการ ปกติตั๋วไปกลับ 20,000 THB แต่คราวนี้เที่ยวเดียว 16,000 THB มารู้เอาตอนหลังว่าไม่มีอาหารเสริฟบนเครื่องด้วย ตอนเช้าเลยหิวเบย
ปล
- น้ำเปล่าที่คราวก่อนเจอแพงๆ ที่เซเว่น กลับเหลือแค่ 0.70 SGD / ขวด 1 ลิตร ที่ร้านอื่นในสนามบิน
- CROWN PLAZA โรงแรมในสนามบิน แพงมากกกกก คืนละ 12,000 THB (แพงพอๆกับโรงแรมใจกลางนิวยอร์ค 499 US Dollar ) ได้ห้องสูบบุหรี่ด้วย เพราะห้องอื่นมันเต็ม
- ทางสถานทูตสิงคโปร์เตือนเราว่า ไม่ควรออกมาโบกรถ เพราะทางมาเลไม่เหมือนทางไทย อาจเกิดเรื่องได้ เขานึกว่าเราเป็นวัยรุ่นมาแบ๊คแพคกัน แต่จริงๆเป็นเพราะเราจะไปเข้าห้องน้ำ แหะๆ
- อาหารที่ Foodcourt ที่สนามบิน ราคา 5 SGD ที่อื่นราวๆ 10SGDกว่าๆ ต่อหนึ่งจาน
Foodcourt อยู่ T3 ชั้น B2 แต่คนเยอะมากต้องหาที่นั่งเอาเอง บางทีก็แชร์ที่นั่งกับคนอื่น
เราไปขอเขานั่ง เขาตอบมาเป็นภาษาจีน แถมภาษาจีนเราก็ก็งูๆปลาๆ (เขาบอกว่ามีคนนั่ง แต่เราฟังเป็นนั่งได้ เวรกรำ มาสำนึกได้ตอนนั่งไปแล้ว เขาคงด่าอ่ะ แต่ช่างแม่ม น้่งไปแล้ว) แล้วก็ Foodcourt ใช้บัตรแทนเงินสด เหมือนบ้านเรา แต่ต่างกันตรงที่ว่า ใช้เงินสดได้ด้วย และบัตรมีค่าเติมขั้นต่ำ เพราะเรายื่น 20 SGD ไปพนักงานที่บัตรทำหน้าเหมือนเงินเราน้อยนิด และเรียกให้ไปซื้อเงินสด
- การบินไทย อยู่ T1, สิงคโปร์แอร์ไลน์ อยู่ T2, tiger air ก็อยู่ T2, โรงแรม CROWN PLAZA อยู่ T3, มี billboard บอกตรงใกล้ๆ รถไฟข้าม terminal ว่า สายการบินอะไรอยู่ T อะไร
- T2 ไม่มี starbuck มีแค่ T1 กับ T3, และ เบอร์เกอร์คิง มีที่ T1
- ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญไม่กินเหรียญมั่วเหมือนที่ไทย ทางเดียวที่มันจะกินเหรียญคือ เขารับแล้ววางสาย ไม่ว่าจะเหลือเงินเท่าไหร่ กินเรียบ นอกนั้นน่าจะคืนนะจากที่กดๆมาหลายๆรอบ
- กุควรไปออก แฟนพันธุ์แท้สนามบินชางฮีได้แล้ว เดินเป็นสิบๆรอบ
ความคิดเห็น