ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - สิงคโปร์ (3 days in Singapore) แนะนำวิธีเดินทางในสิงคโปร์จากโจโฮบารู และ จากสนามบินชางฮี และ สถานที่เที่ยว

สวัสดีครับ ทุกท่าน วันนี้เราจะพาทุกท่านไป อิไล้ กันที่ สิงคโปร์ น้ะจ้ะ

แต่คราวนี้ เป็นอิไล้แบบประหยัดทรัพย์กันน้ะจ้ะ คือ เน้นเข้าของฟรี เป็นหลัก อะไรที่เสียเงิน เช่น พิพิธภัณฑ์ที่เสียตังค์ โน่นนี่นั่น เราจะพยายามหลีกเลี่ยง ฮาๆ

มาดูการเดินทางกันก่อน

การเดินทาง

รถไฟฟ้า

รถไฟฟ้าแม่มไปเกือบทุกที่ 

1) จากสนามบินชางฮี ( Changi Airport )
สะดวกมากถ้ามาจากสนามบินชางฮี ( Changi ) สามารถขึ้นได้ที่ Terminal 2, Terminal 3
ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ถึงย่าน มาริน่าเบย์

*** MRT ตั๋ววัน (Singapore Tourist Pass) มีขายที่สนามบินด้วย
แถมเปิดให้ refund ได้ถึงเที่ยงคืนโน่น

2) จาก โจโฮ บารู ( Johor Bahru )
แต่ถ้าตั้งตั้งที่ โจโฮร์ บารู ( Johor Bahru ) ที่ด่าน woodland หลังผ่าน ตม ของมาเลเซียมาแล้วลงมาด้านล่าง จะมีรถเมล์ จอดอยู่ 
Causeway link หรือ SBS Transit ซึ่ง สามารถเลือกได้ว่า จะไปลงที่ไหน

2.1) ลง Kranji MRT, Singapore 
เคยลองนั่ง CW2N 
Woodland, Malaysia - Kranji MRT, Singapore : ราคา 1.50 RM
ขากลับ Kranji MRT, Singapore - Woodland, Malaysia : ราคา (1.5 มั้งจำไม่ได้) SGD

*** ถ้าจะซื้อ MRT ตั๋ววัน (Singapore Tourist Pass) จาก Kranji MRT ไม่มีขาย ต้องนั่งมา Ang Mo Kio จาก Kranji MRT มา Ang Mo Kio MRT ราคา 2.2 SGD

2.2) ลง Queen Street, Singapore มันจะมาลงแถวๆ Sim Lim Square
จากที่เคยลองนั่ง CW2 
ขามา Woodland, Malaysia - Queen street, Singapore : ราคา 3.40 RM
ขากลับ Queen Street, Singapore - Woodland, Malaysia : ราคา 3.30 SGD

MRT ตั๋ววัน : The Singapore Tourist Pass

เห็นเขาว่าใช้กับ MRT, LRT train, แล้วก็ รถบัสสาธารณะ ได้ด้วย (ไม่รวม Premium bus เช่น Express, Fast Forward, Night Rider, Nite Owl, Chinatown Direct, Jurong Island, Bus Plus services, Sentosa Express train)  
แต่เคยลองนั่งแค่ MRT แหะ

Singapore Tourist Pass ของ EZ-Link Pte Ltd ( http://www.thesingaporetouristpass.com.sg หรือ customer service : 6496 8300 เวลาทำการ 0800-1800 ทุกวันยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ )

1) ขายที่ไหน
แต่ขายโดย Transit link PTE ที่ Transit link Office ซึ่งไม่ได้มีทุกสถานี MRT น้ะจ้ะ มีแค่ บางสถานีเท่านั้น
ด้านล่างนี่ ลิสต์ สถานีที่ขาย (TransitLink ticket Office) รวมทั้งเวลาเปิดปิด

Changi Airport    08:00 am - 03.45 pm
                             04:45 pm - 09:00 pm daily

Orchard   10:00 am - 09:00 pm daily

Chinatown 12:00 pm - 03.45 pm
                   04:45 pm - 07:30 pm daily

City Hall   09:00 am - 09:00 pm daily

Raffles Place 08:00 am - 09:00 pm on Weekday
                      08:00 am -05:00 pm on Saturday
                      Closed on Sundays and Public Holidays

Ang Mo Kio  08:00 am - 09:00 pm daily

HabourFront 08:00 am - 09:00 pm daily

Bugis 10:00 am - 09:00 pm daily

Lavender 12:00 pm - 07:30 pm
                 Closed on Public Holidays

2) ราคาเท่าไหร่
มันมีแบบ 1 วัน 2 วัน 3 วัน
2.1) แบบ 1 วัน
ค่ามัดจำ 10 SGD (คืนได้เมื่อคืนตั๋ว แต่ต้องคืนใน 5 วันหลังจากที่ซื้อ)
ค่าบัตร 10 SGD
รวม 20 SGD

2.2) แบบ 2 วัน
ค่ามัดจำ 16 SGD (คืนได้เมื่อคืนตั๋ว แต่ต้องคืนใน 5 วันหลังจากที่ซื้อ)
ค่าบัตร 10 SGD
รวม 26 SGD

2.3) แบบ 3 วัน
ค่ามัดจำ 20 SGD (คืนได้เมื่อคืนตั๋ว แต่ต้องคืนใน 5 วันหลังจากที่ซื้อ)
ค่าบัตร 10 SGD
รวม 30 SGD

3) คืนตั๋วได้ที่ไหน
สามารถคืนได้ที่ TransitLink ticket Office ตามด้านบน และ SMRT Passenger Service Office ที่ MRT สนามบินชางฮี

ถึงแม้ว่า รถไฟฟ้าจะเปิดถึงเที่ยงคืน ทุกวัน แต่สังเกตว่า TransitLink ticket Office ส่วนใหญ่แม่มปิดสามทุ่ม ซึ่งจากประสบการณ์ตรงนั่งไปลง Ang Mo Kio สามทุ่มพอดีเป๊ะ แต่พอเดินไปสถานีขายตั๋ว แม่มปิดแล้ว !!! มาถึงมู่ลี่ก็ปิดแล้ว ฉันมาตรงเวลาพอดีเป๊ะนะ !

เลยไปถามคนที่ป้อม (TransitLink ticket Office จะแยกต่างหากจากป้อมที่แลกเหรียญที่มีคนอยู่) เขาแนะนำให้ไป SMRT Passenger Service Office ที่ MRT สนามบินชางฮี ซึ่งเวลาทำการ คือ 5.30 am - midnight daily

แต่แต่แต่ คือ มาจาก Johor Bahru มาเลเซียไง จะให้นั่งไปสถานี MRT สนามบิน เพื่อคืนตั๋ววัน แล้วนั่ง MRT กลับมาเนี่ย เปลืองทั้งเงิน เปลืองทั้งเวลา 
และชั้นก็มาวันเดียว ไม่มีแผนจะถ่อมาอีกภายใน 5 วัน ที่เขาให้คืนตั๋วด้วย ( จาก Permas Jaya เข้ามาสิงคโปร์ นี่เป็นชั่วโมงน้ะจ้ะ )
ด้วยความงก 10 SGD เลยไปขอร้องนายสถานีที่แลกเหรียญให้เขาช่วยคืนให้
นายสถานีขอใบเสร็จตอนซื้อ Singapore Tourist Pass ฉันเองก็หาไม่เจออีก ตอนนั้นก็จำไม่ได้ว่าเขาให้ใบเสร็จหรือเปล่า แต่ฉันบอกว่าพิสูจน์ว่าเป็นตั๋วของวันนี้ได้ เด๋วจะแตะออกประตูให้ดู
เขาใจดียอมคืนให้
เลยได้เงินคืนมา 10 SGD โล่งอก

4) คุ้มไหม
ถ้าถามว่า Singapore Tourist Pass คุ้มไหม จากที่คำนวณมั่วๆ จาก Kranji มา Ang Ko Mio ประมาณ 2 เหรียญกว่าๆ 
นั่งประมาณ 5 เที่ยวก็คุ้ม 10 SGD แล้ว 
จากที่ลองนั่ง ปรากฏว่า ราคาแม่มพอๆกับหยอดเหรียญเลยว่ะ บางสถานีแม่มก็ใกล้กันเกินไป
แต่ถ้าใครใช้เยอะก็น่าจะคุ้มอยู่นะ
แต่มีข้อเสียอย่างที่บอก ว่า คืนตั๋วได้ตอนสามทุ่ม one day trip ลำบากหน่อย เที่ยวได้ถึงสามทุ่ม 
แต่ถ้ามีหลายวันก็ไปคืนวันอื่นก็ได้

รถเมล์
เพื่อนที่ทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ บอกว่า ขึ้นรถเมล์ ก็สะดวกและถูก แต่ก็ยังไม่เคยลอง

ของกิน
สิงคโปร์มีทั้งของกินทั้งอาหารจีน และ อาหารมาเลย์

มื้อกลางวัน 
เราไปกินที่ศูนย์อาหารข้างล่าง People's park Complex ร้านอาหารเรียงรายกัน ดูคล้ายๆ food court เยอะมากกกก อยู่แถวๆ Chinatown เหตุผลที่เลือก เพราะ อาหารจีน ที่เวอร์จิเนีย มันถูก เลยเหมาๆไปว่า อาหารจะถูก (เกี่ยวไหม chinatown เมืองไทยก็ราคาไม่ถูก)
สนนราคา 5 SGD ( บะหมี่ไก่ 3.5 SGD + น้ำมะนาว 1.5 SGD ) 

มื้อเย็น
เราไปกินตามที่หนังสือแนะนำ ที่ 67 Killiney Kopitiam แถว Orchard เพราะกลับมาจาก Emerald hill road พอดี
แพงหน่อย แถมหมี่สยามเผ็ด แล้ว เราดันสั่ง Chendal ที่เป็นของหวานมาพร้อมกัน 
กินไม่ค่อยเป็นสุข เพราะว่า จะรีบกิน Mee siam ไม่ได้เพราะเผ็ด แล้วน้ำแข็งของ Chendal ก็ยังจะละลายอีก น้ำเกือบล้นถ้วย 
สนนราคา 8.10 SGD (Mee siam 3.8 SGD + Chendal 4.3 SGD )

โรงอาหารที่ห้างที่ MRT Expo
คราวก่อนพอมีเวลาก่อนขึ้นเครื่อง เลยออกมาแรดที่ห้างที่ MRT Expo ซึ่งห่างจาก MRT Changi Airport เพียง 1 ป้ายเท่านั้น 
ห้างก็คือห้าง มีพวกเสื้อผ้าผู้หญิง รองเท้า โน่นนี่นั่น
อาหารตอนนั้น กิน Chickhen Cutley      
สนนราคา 5.50 SGD

ที่เที่ยวสิงคโปร์
เขาแบ่งเป็นหลายๆ ย่าน
เช่น 
- ย่าน Chinatown 
วัดต่างๆ แหล่งขายของ

- วัดเวกไฮ่เชงเบียว (Wak Hai Cheng Bio Temple)






- Yakun Kaya Toast
ร้านต้นตำรับ อยู่แถวนี้นะ
แต่เคยลองทานแล้วที่ Yakun Kaya สาขา สนามบินชางฮี เลยแวะผ่านเฉยๆ

ใครอยู่ไทยไปลองกันได้ที่ I'm Park สามย่าน

- พิพิธภัณฑ์ ฟุ๊กตั๊กกี่ ( Fuk Tak Ghi Museum )
กลายเป็นร้านอาหารไปแล้ว หาตั้งนาน

- วัดเทียน ฮก เก๋ง ( Thian Hock Keng Temple )


 เขาปิดป้ายว่า ห้ามถ่ายรูป แต่หมายความว่า ตั้งแต่ตรงแท่นบูชา ด้านหลังโน่นไปจนถึงพระพุทธรูป ห้ามถ่าย ข้างนอกนี่ถ่ายได้ ถามรภป ที่ยืนอยู่นั่นมาแล้ว




- วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic)
เรียกว่าเป็นพลังแห่งศรัทธาจริงๆ วัดนี้อลังการยิ่งกว่า วัด เล่ง ไน ยี่ 2 ที่บ้านเราอีก

วัดนี้มีหลายชั้น ต้องขึ้นลิฟต์ไป ชั้นบนๆ ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ ถ่ายรูปไม่ได้น้ะจ้ะ ส่วนชั้นอื่นๆ ถ่ายรูปได้ปกติน้ะจ้ะ
 วันนั้นไปเขาถ่ายทีวีพอดี

 ไปเจอเขาทำพิธีพอดี
หลังจากนั้นพระจะพาคนในพิธีเดินเวียนรอบด้วย





 ระฆังใหญ่บนดาดฟ้า




 China town จย้ะ


ตรุษจีนพอดี
ที่มาเลเซีย สิงคโปร์ นี่ ตรุษจีน คึกคักกว่าบ้านเรา

 - Singapore city gallery




กทม ก็เคยจัด นิทรรศการ พัฒนาพื้นที่ กทม คล้ายๆ กันกับ แบบนี้
แต่เป็นแบบเวียน
จัดที่ siam square one แล้ว เวียนไป พารากอน
น่าจะ fix แบบนี้

- ย่าน Orchard 
แหล่งช็อปปิ้ง รวมห้าง ฮายโซว

- Emerald Hill Road ดูตึกรามบ้านช่อง ไม่ได้อะไรมาก

- Opera Gallery ชั้น 4 ห้าง ION Orchard (MRT Orchard โผล่ใต้ห้างเลย) 
ห้ามถ่ายรูป

- ย่าน Marina Bay

- Fountain of wealth น้ำพุแห่งความร่ำรวย
อยู่บนถนน เทมาเส็ก

- Merlion park
สิงโตพ่นน้ำ สัญลักษณ์เมืองสิงคโปร์นั่นเอง



- Esplanade
โรงละครหนามทุเรียน
เดินผ่านเฉยๆ


- Marina bay sand
ย่านที่อยากไปถ่ายรูปมากๆ
ตอนแรกไม่เคยไป นึกว่า สิงคโปร์มีที่เที่ยวแค่ตรงนี้


ข้างในมีคาสิโน เคยไป แต่ปิด










- Promenade
ตอนกลางคืน มีโชว์น้ำพุ 
แสงสีสันสวยงาม เพลงเพราะ 
แสงไฟจากหน้าจอ มือถือ ไอแพด ก็เยอะเช่นกัน
เราเองดูรอบสองทุ่ม พอจบรอบก็ถ่อจาก MRT Bay front ไปถึง MRT Ang Mo Kio สามทุ่มพอดีเป๊ะ

- Fort canning park
สวนสาธารณะบนเขา เดินกันหอบเลย ใครใช้ให้ไปสร้างบนเขาฟร่ะ 

- Armenian Church

- St andrew's Cathedral
ตอนงาน ลีกวนยู เขาเอารถ ตำรวจมาจอดในนี้ตรึม
เพราะว่า ทำเนียบ ที่ตั้งศพให้คนไปเคารพเขาอยู่แถวนี้
วันที่เขาเปิดให้คนทั่วไป ไปเคารพศพ ต่อแถวแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

เราเองได้มีโอกาสอยู่ที่นั่น ตอน เขาเปิดให้คนทั่วไปไปเคารพศพ ลีกวนยู พอดี
แถวทำเนียบเขากั้นให้เดินทางเดียว เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
คนเยอะมากเช่นกัน
ได้ข่าวว่า วันเผาหรือฝังเขาตัดเน็ตในประเทศด้วย

- Garden by the Bays
ซึ่งเข้าฟรีเหมือนกัน แต่ถ้าเข้าตัวหนอนสองตัว จะต้องจ่ายตังค์ 
ที่นั่งริมน้ำลมเย็นดี

สรุปค่าใช้จ่าย ประจำวันนี้
Perma Jaya Malaysia-Woodland Malaysia    2.5 MYR
Woodland Malaysia-MRT Kranji                  1.5 RM
MRT Kranji-MRT Ang Mo Kio                    2.2 SGD
One day pass                                                  10 SGD
lunch                                                               5 SGD ( บะหมี่ไก่ 3.5 SGD + น้ำมะนาว 1.5 SGD ) 
dinner                                                              8.10 SGD (Mee siam 3.8 SGD + Chendal 4.3 SGD )
MRT Ang Mo Kio-MRT Kranji                    2.2 SGD
MRT Kranji-Woodland Malaysia     ประมาณ 1.5 SGD
Taxi Woodland Malaysia-Permas Jayas ประมาณ 20 MYR ( เพราะกว่าจะไปถึง Checkpoint แม่มก็สี่ทุ่มแล้ว รถเมล์หมดตั้งแต่ 2-3 ทุ่ม จ่ายแพงสิบเท่าเลยสาดดด )

รวม 28.99 SGD (ประมาณ 733.82 บาท) กับ อีก 24 RM (ประมาณ 203.13 บาท)
ราคาพอๆกับทริป 1 วัน กินกุ้งที่เกาะล้าน เบย เป็นไปได้ยังไง

ยิ่งช่วงนี้มีสายการบิน lowcost ด้วยแล้ว การไปสิงคโปร์ก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่
แต่การจ่ายถูกก็แลกด้วยข้อเสีย คือ ไม่มีอาหารและน้ำเสริฟ์บนเครื่อง ต้องซื้ออย่างเดียวเลย
แล้วก็ชาร์จค่ากระเป๋าเพิ่มถ้าน้ำหนักเกิน
เราเองเคยตกเครื่องทีนึง ช่วงนั้นเป็นช่วงหยุดยาวคนสิงคโปร์บินออกนอกประเทศเยอะ ต้องไปใช้บริการ tiger air โดนทั้งชาร์จน้ำหนักกระเป๋าเกิน และ หิ้วท้องกลับบ้านตอนเช้าด้วยเลย

ยังมีโม้ให้ฟังอีกสองย่าน

- ย่าน Little India
ตอนแรกกะว่าจะไปในทริปนี้ แต่ว่าไม่ทัน เลยแอบหนีมาแรดอีกจนได้

- ส่วนใหญ่เป็นวัดแขก ซึ่งบางแห่ง เก่ากว่า ที่วัดแขกที่สีลมอีก
บางที่ปิดเป็นบางเวลา อย่างเช่น วัดศรี ศรีนิวาสเปรุมาล (Sri Srinivasa Perumal Temple) ตอนไปถึงนี่ปิดพอดี

- วัดเจ้าแม่ดวกอิมตงฮุดโซ (Kuan im Thong Hood Cho Temple) 
ห้ามถ่ายภาพ

- Bugis Villege, Bugis Street
อยู่ใกล้ที่ขึ้นรถเมล์ไปมาเลเซีย
มี Mc Donald, KFC ฝากท้องได้
เขาจะถามว่าเอา A la cart หรือ meal (ซึ่งก็คือเป็นชุดนัั่นแหละ)
Bugis Villege บันไดหนีไฟแนวดี 

- Haji lane แหล่งช็อป เก๋ไก๋ 
>> ชอบร้านโคมไฟแบบ อิสตันบูล สวยดี ใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงร้านมืดๆ แล้วมี โคมไฟชั้นอิสตันบูลของ Terminal 21 แขวนเยอะๆ
>> ร้านแบบอาหรับเยอะ เห็นบารากู่หลายร้านเลย
>> แถวๆนั้น พวงกุญแจเหล็กของที่ระลึกสิงคโปร์ถูกกว่าที่ chinatown อีก เป็นไปได้ยังไง (อันละประมาณ 1SGD)
>> ตอนกลางคืนน่าจะคึกคัก ร้านเหล้าเยอะ

- ย่าน Sentosa
ย่านฮายโซว Universal Studio ก็อยู่ตรงนี้ ของแพง โรงแรมแพง ซึ่งเราหลีกเลี่ยงในทริปนี้น้ะจ้ะ

- Universal Studio Singapore
มาแอบโม้ถึงความอิไล้หน่อย คราวก่อนโน้น ก็ไปสนุกที่ Universal Studio Singapore ไปแล้ว จ่ายเต็มราคา เพราะไปซื้อตั๋วข้างหน้าด้วย แพงมากกกก (เห็นเขาบอกซื้อทางเน็ตลดได้ หรือ ซื้อที่ที่ขายตั๋วที่สถานีรถไฟหรือที่ไหนสักแห่งอะลดได้ )

แต่ Universal Studio ก็คุ้มค่า ที่ชอบมาก คือ 
- Transformer 3D (ฉายหนังสามมิติ อารมณ์จะคล้ายๆบ้านผีสิงที่ Busch Garden Virginia)
- Mummy (ฉายหนังสามมิติเหมือนกัน มีฉีดไฟจริงๆ แต่เคยเจอมาแล้วที่ Escape from Pompae ที่ Busch Garden เลยไม่ตื่นเต้นมาก     ตอนท้ายนึกว่าจะมีอะไรร่วงลงมาจากโลง แต่กลับไม่มี)
- (Battlestar Galactica รถไฟตีลังกาปิดซ่อมอะแอบเซ็ง) 
และอื่นๆ ที่ก็โอเค
- Madagascar รถไฟหวานเย็น แต่ตื่นเต้นตอนนึกว่าจะเปียก
- Far far away : Shrek 4-D Adventure
- Jurassic Park Rapids Adventure ถ้านั่งถูกที่จะไม่เปียกมาก
- Lights Camera Action! Hosted by Steven Spielberg
- New York Street ก็น่าตื่นเต้น แต่ตื่นเต้นน้อยลงไปหน่อย เพราะว่าเคยไปเดินของจริงมาแล้ว อันนี้เลยดูจำลองมาเล็กๆ
- Sesame Street Spaghetti Space Chase ตะลึงกับดวงดาว
- Waterworld คล้ายๆ stunt man show ที่ซาฟารีเวิร์ด แต่อาจเปียกถ้านั่งโซนเปียก
- Monster Rock เพลงเพราะดีนะ

สรุป
สิงคโปร์ในบล็อกนี้เราใช้เวลาเที่ยวสามวัน
วันแรก : chinatown, orchard, marina bay
วันที่สอง : little india, fort canning park, armenian church, st andrew's church, gardens by the bay
วันที่สาม : universal studio

Reimagine Singapore จดไว้แป๊ป น่าไปแต่ยังไม่ได้ไป
* Jewel (MRT: Changi Airport)
* Potato Head (MRT: Outram Park)
* Old Hill Street Police Station (MRT: City Hall)
* Parkroyal Collection Marina Bay (MRT: City Hall)
* Liao Fan ร้านอาหารมิชลิน 1 ดาว (MRT: Chinatown)
* Marina One (MRT: Marina Bay)
* Capitaspring (MRT: Raffles Place)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปีอธิกสุรทิน อธิกมาส อธิกวาร และ การทดปฏิทิน

 ปีที่แบ่งตามรอบพระอาทิตย์ (สุริยคติ) มี 2 แบบ คือ 1. ปกติสุรทิน คือ มี 365 วัน 2. อธิกสุรทิน คือ มี 366 วัน (เดือนกุมภาฯมี 29 วัน) การคำนวน ปีอธิกสุรทิน ตรงนี้บางท่านจะจำได้แต่เพียง ว่า หาร 4 ซึ่งไม่ใช่แค่นั้นครับ ความจริงแล้ว จะมีสูตรคำนวณที่ถูกต้องคือ ให้เอา ค.ศ.ตั้ง แล้วเอา 4 หาร หากหารลงตัวก็ใช่ ยกเว้น 100 หารลงตัว แต่หาก 400 ลงตัวก็ให้นับเป็นอธิกสุรทินด้วย (เช่น ปี 1900 ไม่เป็นอธิกสุรทิน แต่ปี 2000, 2004 เป็นปีอธิกสุรทิน) ปีที่แบ่งตามรอบพระจันทร์ (จันทรคติ) แบ่งเป็น 3 คือ 1. ปกติมาส-ปกติวาร  (บางที่เขียนย่อ เป็น ปกติมาส-วาร)       คือ ปีที่เป็นปกติ มีเดือนคู่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 15 วัน       และมีเดือนคี่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 14 วัน       รวมวันใน 1 ปี เป็น (30*6+29*6) = 354 วัน 2. ปกติมาส-ปีอธิกวาร (บางที่เรียกเป็น อธิกวาร)       คือ ปีที่เป็นปกติ แต่เดือน 7 จะมีข้างแรม 15 วัน        รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+1 = 355 วัน 3. ปีอธิกมาส-ปกติวาร (บางที่จะเรียกเป็น อธิกมาส)       คือ ปีที่มีเดือนแปดเพิ่มอีกเดือน หรือที่เรียกกันว่า มีเดือนแปดสองหน       รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+30

วิธีการไป อย. กระทรวงสาธารณสุขจากหัวลำโพง

ทางไป : รถไฟฟ้า MRT หัวลำโพง ไปลงที่ สถานี กระทรวงสาธารณสุข  ถ้ากดที่ตู้ต้องเปลี่ยนไปหน้าจอสายสีม่วง สนน ราคา 48 53 บาท ต่อมอไซด์ ถ้าไป อย. 20 บาท จากหน้าทางเข้า  ถ้าฝนตกแนะนำให้โบกแท็กซี่จากข้างหน้า ข้างในหาแท็กซี่ยากมาก ถ้าจะเดินประมาณ 2.4 km ให้ระวังหลงเข้าไปรพ ศรีธัญญา รพ ศรีธัญญาพื้นที่ข้างในใหญ่มาก และเหมือนจะล้อมด้วยคลอง เหมือนจะมีทางออกแค่ทางที่เข้าไปนั่นแหละ ทางกลับ : รถเมล์ 97 จาก อย. ตรงข้ามประกันสังคม ทางที่ 1 : ถ้าจะใกล้ลงหน้าปากซอยขึ้นสายสีม่วงที่สถานีกระทรวงสาธารณสุขที่เดิม ทางที่ 2 : ผ่าน ท่าน้ำนนท์​ กลับเรือได้ ทางที่ 3 : ผ่านหน้าพระจอมพระนครเหนือด้วยนะ ผ่าน สถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ  ( จาก อย. ไป MRT บางซื่อ 17 บาท,  จาก MRT บางซื่อ ไป MRT หัวลำโพง 44 บาท นั่งกลับได้ 2 ทาง ทางหัวลำโพง กับ ไปเปลี่ยนที่ท่าพระ ไม่รู้ว่าทางไหนเร็วกว่ากัน ) ทางที่ 4 :  ผ่าน สะพานควาย  ทางที่ 5 :  นั่งถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ ค่ารถเมล์ 21 บาท ค่ารถไฟฟ้าไป BTS สะพานตากสิน 47 บาท 

สอบสัมภาษณ์ MBA คำถามและการเตรียมตัว

 * “แนะนำตนเอง” การแนะนำตนเองไม่ใช่แค่บอกชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน หรือ ประวัติการศึกษาเท่านั้น ข้อมูลเหล่านี้ต้องพูดถึง แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ส่วนที่สำคัญในการแนะนำตนเองก็คือต้องขายความเป็นตัวตนของเรา ความสามารถของเรา และ/หรือวัตถุประสงค์ในการเลือกเรียนหลักสูตรนี้  พยายามตอบคำถามให้สอดคล้องกับ MBA ไม่ต้องนาน ประมาณ 2–3 นาที เน้นเนื้อ ไม่เน้นน้ำ ซ้อมพูดเยอะๆ ถือว่าเป็น First Impression * ทำไมจึงเลือกสมัครเข้าเรียนหลักสูตรนี้  ทำไมถึงมาเรียน MBA ทำไมอยากเรียน MBA ทำไม อยากเรียนตอนนี้  * ทำไม ต้องเรียน MBA ที่นี่ -- ลองศึกษา Program ของมหาลัยที่จะไปดูน้าว่ามหาลัยมีอะไรเด่น * คิดว่าถ้าเรียน MBA จะมี Challenge อะไรบ้าง * สนใจโปรแกรมอะไรบ้าง * หลังเรียนจบอยากทำอะไร * ต้องการอะไรจากหลักสูตรนี้  เรียนแล้วคิดว่าจะได้อะไร เอาไปใช้อะไรในชีวิต * ทำไมไม่เรียนสาขาอื่น ถ้าอายุงานถึงเรียนอย่างอื่นได้ * ในองค์กรที่ทำงานอยู่สามารถเติบโตได้ถึงตำแหน่งไหน * Performance ปัจจุบันเป้นยังไง  * ดูดีอยู่แล้ว แล้วมาเรียน MBA ทำไม เพราะงานที่ทำอยู่ก็มีโกาสก้าวหน้าในสายอาชีพบริหารอยู่แล้ว * ไม่ได้เรียนม

วิธีใช้ ubuntu ต่อ อินเทอร์เน็ตทรู ( true ) โดยโมเด็ม billion bipac 7000 usb adsl modem

ก็อปไฟล์ cxacru-fw.bin ไปที่ /lib/firmware ไฟล์ cxacru-fw.bin download ได้ที่นี่ ก็อปไฟล์ br2684ctl ไปที่ /usr/sbin ไฟล์ br2684ctl download ได้ที่นี่ $ sudo pppoeconf nextๆ ไปเรื่อยๆ ใส่ username, password ของทรู ตามปกติ แล้วเขียนไฟล์ดังนี้ true.sh #!/bin/sh modprobe cxacru modprobe br2684 sudo /usr/sbin/br2684ctl -b -c 0 -a 0.100 # Communicating over ATM 0.0.100, encapsulation: LLC sudo ifconfig nas0 up pon dsl-provider # Plugin rp-pppoe.so loaded เสร็จแล้วสั่ง รัน shell script $ . ./true.sh คราวต่อไปรัน . ./true.sh อย่างเดียวก็ได้แล้วๆ reference : siamgeek บทความอื่นๆเกี่ยวกับ ubuntu

เรื่อง matrix ที่อาจจะลืมกันไปแล้ว

Rank ของ matrix Rank ของ matrix A คือ จำนวน independent columns (หรือ rows) ของ A นั่นคือ square matrix จะ full rank ถ้า ทุกคอลัมน์ independent กัน เมื่อ full rank, det จะ = 0 วิธีหา rank อาจหาได้โดย [U, W, V] = svd(A) แล้วดูว่า rank คือ จำนวน residual ของ W ที่ไม่เป็น 0 full rank = singular matrix = หา inverse ได้ สมบัติของ rank 1. rank(AB) <= min(rank(A), rank(B)) ย้ำว่า < หรือ = นะ ดูสมบัติอื่นๆ ได้จาก wiki Null Matrix เมตริกซ์ศูนย์ (Zero Matrix หรือ Null Matrix ) คือ เมตริกซ์ที่มีสมาชิกทุกตัวเป็นศูนย์หมด Orthogonal Matrix Cramer's rule Ax = b Cramer's rule ใช้ได้เมื่อ A เป็น square matrix เท่านั้น กรณีที่มีจำนวน สมการ มากกว่าจำนวน ตัวแปร ( A mxn เมื่อ m > n ) หรือเราเรียกว่า over parameter เราไม่สามารถหา inverse ของ rectangular matrix ได้ ให้ไปใช้ psudoinverse แทน x = A + b หรือ หรือ หรือ ไปใช้ SVD แก้สมการซะ คำตอบคือ last col of v ! Gaussian elimination method ใช้แก้สมการ เช่นเดียวกับ กฏของ คราเมอร์ วิธีคิดหลักๆ คือ ทำให้สามเหลี่ยมล่างเป็น 0 ให้หมด โดย

เทคนิคคิดเลขเร็วโดยใช้ วิธีคิด แบบ เวทคณิต ( Vedic Mathematics example )

จากที่สงสัยเรื่อง ลูกคิด ของ จินตคณิต ที่ลองไปค้นดู ปรากฎว่า เจอ เวทคณิต ซึ่งเขาบอกว่า อยู่ในคัมภีร์พระเวท ลองอ่านดูแล้ว รู้สึกว่าฝึกสมอง ก็ทำให้คิดเลขเร็วดี เลยสรุปมาให้ ตามนี้ Tutorial 1 การลบเลข ALL FROM 9 AND THE LAST FROM 10 ทุกตัวลบจาก 9 และตัวสุดท้ายลบจาก 10 เช่น 1000 - 357 = 643 10,000 - 1,049 = 8951 ถ้า 1,000 - 83 ให้มองว่ามี 0 อยู่ข้างหน้า เป็น 1,000 - 083 = 917 ฝึกบ่อยๆ ก็คล่อง แล้วก็ไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลขด้วย ลองทำดูสิ 1) 1000 - 777 = 2) 1000 - 283 = 3) 1000 - 505 = 4) 10,000 - 2345 = 5) 10,000 - 9876 = 6) 10,000 - 1011 = 7) 100 - 57 = 8) 1000 - 57 = 9) 10,000 - 321 = 10) 10,000 - 38 = 3,000 - 467 ก็ทำเหมือนกัน โดยลบตัวแรกสุดของ 3,000 ไป 1 จากนั้นก็ทำเหมือนเดิม จะได้ว่า 3,000 - 467 = 2,533 Tutorial 2 VERTICALLY AND CROSSWISE สำหรับตัวเลขที่น้อยกว่าฐานนิดหน่อย ลอง 88x98 88 น้อยกว่า 100 อยู่ 12 98 น้อยกว่า 100 อยู่ 2 12x2 = 24 88-2 หรือ 98-12 ได้ 86 ดังนั้นตอบ 8,624 ดูอีกตัวอย่าง หรือ ลองทำนี่ดู 1) 87 x 98 = 2) 88 x

เลขฐานสอง ติดลบ เรื่องที่อาจจะลืมกันไปแล้ว

คอมพิวเตอร์ใช้การเปิดปิด หลอดสุญญากาศ ดังนั้นค่าที่เป็นไปได้คือ 0 กับ 1 ไม่มีติดลบ จึงกำหนดให้ใช้ 2's complement มากำหนดเลขลบ วิธีทำคือ เปลี่ยนเลข 1 เป็น 0 เปลี่ยนเลข 0 เป็น 1 แล้ว บวกหนึ่ง เช่น 1 คือ 00000001 เปลี่ยนเป็น 11111110 บวก 1 ได้ 11111111 บิตที่อยู่หน้าสุดจะบอกว่าเป็นเลขบวกหรือลบ ( 0 = +, 1 = -) พิสูจน์ จาก สมการคณิตศาสตร์​ 1 + (-1) = 0 00000001 + ???????? = 0 00000001 + (11111110 + 000000001 ) = 0 นั่นเอง วิธีที่ง่ายกว่านั้นในการทำ 2's complement คือ 1. หา 1 ตัวสุดท้าย 010100 1 2. invert ตัวหน้า 1 ทั้งหมด 101011 1 สำหรับคนที่ลืมไปแล้ว 1's complement คือเปลี่ยนเลข 1 เป็น 0 เปลี่ยนเลข 0 เป็น 1 ตามปกติ เช่น ~1 1 = 00000001 ~1 = 11111110 ซึ่งมีค่าเท่ากับ -2 ที่มา : วิชาการดอทคอม , wikipedia

ส่งไปรษณีย์ทีละมากๆ ที่ช่องไปรษณีย์สำหรับธุรกิจ

  ถ้าเราส่งไปรษณีย์ทีละ 10 กล่องขึ้นไป สามารถไปส่งโดยใช้ช่องทางธุรกิจได้ โดยต้องกรอกใบรับฝากรวม ( Receipt for bulk Posting ) เป็นลิสต์รายการให้เขาไปด้วย โดยกรอกพัสดุแต่ละรายการ และ ไปยื่นให้เขาพร้อมกับพัสดุที่จะส่ง วิธีกรอก คือ ให้กรอกพัสดุแบบเดียวกันไว้แผ่นเดียวกัน  เช่น พัสดุ10 กล่อง กล่องขนาดเท่ากัน น้ำหนักเท่ากันหมด กรอกไว้ 1 แผ่น ถ้าน้ำหนักต่างกัน ขนาดกล่องต่างกัน กรอกแยกแผ่นไว้ดีที่สุด ซึ่งใบนี้สามารถไปขอได้ที่ไปรษณีย์ฝ่ายธุรกิจ สามารถนำมาทำใส่ A4 ก็ได้ ขอบคุณคุณพี่ amarin.ch ที่ไปรษณีย์กลาง ( BANGKOK G.P.O. ) มากๆ นะครับ สำหรับคำแนะนำ ขอบคุณที่ช่วยคีย์ให้ทีละรายการสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่ามีใบรับฝากรวมอย่างผมด้วยครับ คราวหน้าผมจะทำใบรับฝากรวมไปครับ

ข้อแตกต่างระหว่าง Mahalanobis distance กับ Euclidean Distance : ทำไม และ เมื่อไหร่ ต้องใช้ Mahalanobis distance ใน data mining

Euclidean Distance นิยาม EuclideanDistance = sqrt(sum( (A - B) .^ 2 )) โชว์เหนือ เขียนแบบ linear algebra EuclideanDistance = norm(A - B) ข้อเสียของ Euclidean distance 1. sensitive to scales ของตัวแปร ในกรณี geometric ตัวแปรทุกตัวมีหน่วยเดียวกันหมด คือ ระยะทาง แต่เมื่อพิจารณาตัวแปรที่มีข้อมูลหลายชนิดพร้อมๆกัน เช่น ใน data mining เราอาจจะพิจารณา อายุ, ความสูง, น้ำหนัก ฯลฯ พร้อมๆกันหมด สเกลมันเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ 2. Euclidean distance ใช้กับตัวแปรที่ correlated กันไม่ได้ เช่น สมมติว่าเรามี data set 5 ตัวแปร ที่ซึ่งค่าของตัวแปรหนึ่งเหมือนกับอีกตัวแปรหนึ่งเด๊ะๆ ( กรณีนี้เหมือนเด๊ะ เลยเป็น completely correlated ) Euclidean distance จะคำนวณโดย weight ข้อมูลที่ซ้ำกันมากขึ้น ทำให้มีปัญหา Mahalanobis distance นิยาม เมื่อ S คือ covariance matrix และ x, y มี distribution เดียวกัน Mahalanobis distance มันพิจารณ่า covariance matrix ไปด้วย เลยขจัดปัญหาเรื่อง scale และ correlation ที่ Euclidean Distance มีได้ ใน MATLAB ใช้ฟังก์ชั่น mahal() หรือ pdist() ดูตัวอย่าง mahaldist.m ของคุณ Peter J. Ackl

อยู่เหงาๆ เราไปเที่ยว - ไหว้พระขอพร ศาลเจ้าแม่ทับทิม (อาม่า), เจริญกรุง, กรุงเทพ; 天后聖母廟, 石龙軍路, 曼谷, 泰国; Thap Thim Chinese Goddess Shrine, Chareon Krung 63 Road, Bangkok, Thailand

天后聖母廟, 石龙軍路, 曼谷, 泰国 ไหว้ศาลเจ้าแม่ทับทิม ขอให้การค้าเจริญรุ่งเรือง ตำนานเจ้าแม่ทับทิมเกิดที่ตำบลตุ้ยบ๊วย เขตบ่นเซียว เกาะไหหลำ มีผู้เฒ่าแซ่พัว เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานขยันขันแข็ง ครั้งหนึ่งแกออกไปหาปลา โดยผูกแหเป็นช้อนดักปลา เวลาผ่านไปแกยังหาปลาไม่ได้ คืนนั้นก็ประสบความล้มเหลว เมื่อช้อนแหขึ้นมาทีไรก้อมีแต่ท่อนไม้ ด้วยความโมโหแกเลยขว้างท่อนไม้นั้นออกไปให้ไกล แต่แล้วเมื่อช้อนแหขึ้นมาใหม่ก็ปรากฏท่อนไม้ท่อนเดิมอีก ต่อจากนั้นแกก็ขว้างท่อนไม้ขึ้นฝั่ง และแกก็ฉุก คิดว่าแปลกที่ท่อนไม้ธรรมดาจะสามารถลอยทวนน้ำได้ คงจะเป็นสิ่งวิเศษ และแกก็ได้นำท่อนไม้นั้นขึ้นฝั่ง และเพ่งมองท่อนไม้นั้นพร้อมกับอธิษฐานว่า หากท่อนไม้นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ขอให้คืนนี้จับปลาได้มาก เมื่อพ้นจากความจนแล้ว เมื่อขึ้นฝั่งจะนำท่อนไม้นี้แกะสลักเป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิและสักการะบูชาเช้าวันไม่ให้ขาด เมื่ออธิษฐานจบแกเอาท่อนไม้นั้นวางบนหัวเรือ ปรากฏว่าช้อนเพียงสองถึงสามครั้งก็ได้ปลาตัวโตเต็มเรือ จึงนำปลาขึ้นฝั่งวันนั้นปลาของแกขายได้ราคา เพราะชาวประมงคนอื่นจับได้น้อยแกจึงมีเงินจับจ่ายใช้สอย และทุกครั้งที่แกออกหาปลา