เอนทรีนี้เป็นส่วนหนึ่งของ serie ท่องเที่ยว ดูบทความท่องเที่ยว อื่นๆ ของผม ได้ที่ ลิงก์นี้ นะครับ
คำเตือน เอ็นทรีนี้รูปเยอะมากกกก ควรปิดบิตก่อนดู
ผ่างๆๆ ท่านสามารถรับชมเอนทรีนี้ผ่าน url http://tinyurl.com/kokret ได้ด้วย
คำเตือน เอ็นทรีนี้รูปเยอะมากกกก ควรปิดบิตก่อนดู
ผ่างๆๆ ท่านสามารถรับชมเอนทรีนี้ผ่าน url http://tinyurl.com/kokret ได้ด้วย
เห็นเขาว่า มีที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ
อยู่ตรงจังหวัด นนทบุรี นี่เอง
พอไปค้นๆ ดู พบว่า ทางไปมันอยู่ตรง ปากเกร็ด
คุ้นเคยๆ
คราวนี้ เลยไปแบบว่า ไม่ค่อยได้เตรียมตัวอะไรเท่าไหร่
จริงๆ มันนั่งรถเมล์ไปก็ได้ ( สาย 166 ขึ้นที่อนุสาวรีย์ฯ )
แต่เราตัดสินใจไปทางเรือ
ไปถามๆ ทาง ตรง ท่าเรือสาทร
เขาก็ขายตั๋ว เรือด่วน ธงสีส้ม มา 13 บาท ตลอดสาย
แล้วก็แล่นชมวิว สองข้าง แม่น้ำเจ้าพระยาไป
สะพานพระราม 8 ( ด้านหลัง สะพานอะไรไม่รู้ ว่ะ โดนบัง )
จริงๆ ปกติก็ไม่ค่อยได้นั่งเรือเท่าไหร่
เลยไม่รู้ว่า มันจอด ท่าตรง ฝั่งกรุงเทพฯ ซะเยอะเลย
แล้ววิวฝั่งนี้มันไม่ค่อยมีอะไร -*-
เวลานั่งต้องนั่ง ที่นั่ง ฝั่ง ฝั่งธนฯ
มันจะมีวิวให้ดู เยอะกว่า
สะพานกรุงธนฯ หรือ สะพาน ซังฮี้ นั่นเอง
แล้วก็ระวังน้ำกระเด็นนะ
ตอนเรือวิ่ง น้ำมันกระเด็นจากหัวเรือ ที่เรือแล่นไปอ่ะ
ถ้านั่งที่นั่งตอนกลางๆ จะโดนละอองน้ำเป็นระยะๆ
คราวหน้ากะนั่งหน้า หรือไม่ก็ ยืน ตรงข้างหลังไปเลย
singha
แล้วก็ เพื่อความปลอดภัย
ชูชีพ อยู่ใต้เบาะที่นั่ง นะคับ
มองๆ ไว้หน่อยก็ดี เผื่อฉุกเฉิน 55+
วัดอะไรก็ไม่รู้แหละ
สุดท้าย เราก็มาถึง ท่าน้ำนนท์
เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงได้
แต่ก็เพลินๆ มีอะไรดูตลอด ( ทั้งในเรือ และนอกเรือ 55+ )
จากที่ แอบไปดูจากบล๊อกชาวบ้าน
เขาบอกว่า ต้องนั่งรถไปปากเกร็ด
มีบอกสายรถเมล์มาด้วย ( แต่จำไม่ได้ )
เลย ไปรถตู้แทน สาย ท่าน้ำนนท์-ปากเกร็ด 15 บาท
ปล. ตรงท่าน้ำนนท์ มีสามล้อถีบด้วยล่ะ
รถตู้มันผ่านตลาด แล้วก็วิ่งสาย ติวานนท์
ไล่ซอยติวานนท์ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เลขซอยน้อยๆ
ไปเรื่อยๆ ผ่านศาลาว่าการฯ
ร้านพุงกาง ที่เคยไปกิน
วัดหลวงพ่อปัญญาฯ
แล้วก็ไปโผล่แถวปากเกร็ด
ไกลเหมือนกันนะ ประมาณชั่วโมงนึงได้
ตอนนั่งรถตู้ออกจากท่าน้ำนนท์ มองสองข้างทาง
คิดอยู่ในใจว่า คุ้มไหมเนี่ย
เพราะว่า แถวนั้น เหมือนในกรุงเทพฯนั่นแหละ
ก็เลย assume ไปต่อว่า ถ้าในเกาะเหมือนกรุงเทพฯ ก็คงไม่ไหว
แต่เอาน่ะ มาไกลขนาดนี้แล้ว
หิวๆ เลยแวะกินก๋วยเตี๋ยวเรือ แถวปากเกร็ด แล้วถือโอกาสถามทางซะเลย
เขาบอกว่า ให้ไปข้ามที่ ท่าเรือ ใน วัดสนาม
เราถามว่าอยู่ตรงไหน
เขาบอกว่า ให้ไปทาง วัดบ่อ
ก็นึกว่า เป็นซอยวัดบ่อ ที่ทะลุไปอีกวัดนึงได้
แต่ปรากฎว่า มันมีแต่วัดแหะ
ตอนนั้นบังเอิญเห็นตีนสะพาน มันมีท่าน้ำ
เลยแวะไปเดินเล่น
แล้วก็วกออกมา
เดินแบบ งงๆ เข้าไปในวัดบ่อ
ทะลุไอ้ตรงที่เขียนว่าทางออก อ่ะ
ตรง แหลก ไปออก ท่าน้ำ ตีนสะพาน ที่เดิม -*-
เลยแวะถาม พนักงานร้านอาหาร
เขาบอกว่าให้ไปทางวัดบ่อ
เดินกลับวัดบ่อ สิครับ
คราวนี้เดินไปทะลุประตูอีกฝั่งนึง
อ่าว ! เป็นซอยไม่มีคน
ไม่ใช่ล่ะมั้ง
ถามคนในวัด
เขาบอกว่า เดินออกประตูนั้นก็ได้
แต่ถ้าไปทางตลาด จะร่มกว่า
ปรากฎว่า พอ ออกจากวัด ไปตรงตลาดมืดๆ
จะต้องเลี้ยวซ้าย
( ถ้าตรงไป จะไปออกตีนสะพาน )
พอไปสักพัก ก็จะมีป้าย ทางไปเกาะเกร็ด แล้วล่ะ
ป้ายมันจะนำ เราไปออกซอย
แล้วตรงซอยนั้นจะมีวัดอยู่วัดหนึ่ง
นั่นแหละ วัดสนามเหนือ
แต่ถ้าบอกแค่ว่า วัดสนาม คนแถวนั้นก็เข้าใจ
ท่าเรือ วัดสนามเหนือ
เดินมั่วๆ ไปถึงท่าเรือ
แล้วก็เห็นมุมที่เขานิยมถ่ายมาลงบล๊อกกัน
เลยเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงชอบถ่ายกัน
มันเป็นอันแรกที่เห็นเลย
ตรงข้ามท่าเรือ วัดสนามเหนือ จะเห็นเจดีย์มุเตา อยู่ไกลๆ
เจดีย์ มุเตา ศิลปะแบบพม่า ตั้งอยู่บริเวณ หัวแหลม ของเกาะเกร็ด
ความรู้สึกแรกที่ข้ามไปเห็นเกาะ -> ทำไมเกาะมันใหญ่อย่างงี้
นึกว่าเป็นเกาะเล็กๆ เหมือนเกาะลอย ที่ศรีราชา
ค่าข้ามเรือ 2 บาท
พอข้ามไปปุ๊ป มีทางแยกซ้ายขวา
เราก็เดินมั่วๆ เลี้ยวขวา ไป วัดปรมัยยิกาวาส ก่อน
ก็เห็นป้าย พิพิธภัณฑ์ ร.5
เลยเลี้ยวเข้าไปดู
พิพิธภัณฑ์ ร. 5 ( พิพิธภัณฑ์วัดปรมัยยิกาวาส ) มีสองชั้น ด้านล่าง เป็น พวกเครื่องปั้นดินเผา ด้านบนเป็นของที่พบบริเวณวัด
มีแบงก์ เก่าๆ อยู่ในพิพิธภัณฑ์ด้วย
ถ้าไปที่นี่ จะเห็นตัวอักษรภาษามอญ เป็นระยะๆ
ตั้งแต่ข้ามเรือไปก็จะเห็นแล้ว
บังเอิญชักภาพไม่ทัน
อันนี้เลยฉายมาให้ดู แก้ตัวๆ
โอ่งน้ำ ขนาดใหญ่ หน้าพิพิธภัณฑ์ ร. 5
ภาษามอญ อ่ะ
น่าจะแปลว่า น้ำเย็นชื่นใจ กินได้ฟรี อะไรอย่างงี้มั้ง
ภาษามอญ อ่ะ
น่าจะแปลว่า น้ำเย็นชื่นใจ กินได้ฟรี อะไรอย่างงี้มั้ง
แล้วเดินไปริมน้ำ
ชม เจดีย์มุเตา แบบชัดๆ
เจดีย์ มุเตา
ถ้าเดินรอบพระอุโบสถออกไปด้านหลังจะเจอกับ พระมหารามัญเจดีย์
เห็นว่า ร.5 ได้รับทูลเกล้าฯถวายจากผู้สำเร็จราชการอินเดีย
จึงทรงแบ่งพระบรมธาตุนั้นเป็น 3 ส่วน
อัญเชิญไปบรรจุที่เจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศ
ที่พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
และที่วัดปรมัยยิกาวาส แห่งนี้นี่เอง
ถ้าเดินรอบพระอุโบสถออกไปด้านหลังจะเจอกับ พระมหารามัญเจดีย์
เห็นว่า ร.5 ได้รับทูลเกล้าฯถวายจากผู้สำเร็จราชการอินเดีย
จึงทรงแบ่งพระบรมธาตุนั้นเป็น 3 ส่วน
อัญเชิญไปบรรจุที่เจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศ
ที่พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
และที่วัดปรมัยยิกาวาส แห่งนี้นี่เอง
พระมหารามัญเจดีย์
รัชกาลที่ 5 ทรงให้สร้างขึ้นเป็นเจดีย์แบบรามัญ
รัชกาลที่ 5 ทรงให้สร้างขึ้นเป็นเจดีย์แบบรามัญ
ถ้าเดินไปหน่อยจะเจอ วิหารพระพุทธไสยาสน์ ( พระนอน )
อันนี้คือ โดยรอบๆ พระวิหาร
เดินดูรอบๆ วิหารพระพุทธไสยาสน์
รอบๆ อีกมุม
สันนิษฐานว่าพระพุทธไสยาสน์องค์นี้สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างวัด
โดยพระสุเมธาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้า ฯ ให้บูรณะพระพุทธไสยาสน์ และ รื้อวิหารหลังเก่าแล้วสร้างใหม่เท่าของเดิม
พระพักตร์ของพระพุทธรูปมีเค้าแบบสุโขทัยผสมอู่ทอง
คือ มีพระพักตร์เรียวยาว ต่อด้วยพระรัศมีแบบสุโขทัย เม็ดพระศกเล็กละเอียดแบบหนามขนุน บริเวณฝ่าพระบาทเขียนลายมงคล 108 ประการ
พระพุทธรูปในพระวิหารพระพุทธไสยาสน์
ทางเข้าด้านทิศเหนือ ประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลักจากหินอ่อน แบบรามัญ ปางมารวิชัย
ซึ่งซาน ซิว ซูน ทูลเกล้าฯ ถวาย รัชกาลที่ 5
ซึ่งซาน ซิว ซูน ทูลเกล้าฯ ถวาย รัชกาลที่ 5
ด้านทิศใต้ประดิษฐานฐาน พระนนทมุนินท์
พระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี
พระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี
หมดแล้วก็เดินวกไปตรงท่าเรือ ที่เดิม
แล้วเดินต่อไป
เจอเขาแนะนำ เกาะเกร็ดให้ฟัง
คนพูด พูดเร็วมากกกกก
คงรู้ว่า พูดช้า จะทำให้คนฟังหลับ เพราะรายละเอียดเยอะเหลือเกิน
ก็จำๆ เท่าที่จำได้มา
มีจักรยานให้เช่าด้วย 40 บาท ปั่นได้ทั้งวัน
เห็นเขาว่า ถ้าเดินนี่ ประมาณ 3 ชั่วโมงได้
เราตัดสินใจ เดินดีกว่า
ด้วยความงก
ไม่ใช่ๆ
เวลาจะได้เดินช้าหน่อย
เดินต่อๆ
มีภาษามอญ อีกแล้ว
พวกนี้คือวิว ข้างๆทาง ตอนเดินไป
ริมน้ำ ที่ เกาะเกร็ด
ริมน้ำ ที่ เกาะเกร็ด
สะพานหิน ด้านหน้าคือ วัดฉิมพลี
ถ้าข้ามสะพานไป แล้วหันหลังกลับ จะเห็นป้ายนี้อยู่
OTOP Village
วัดฉิมพลี
สุนัข ที่ วัดฉิมพลี
จะเล่าเรื่อง สุนัข ที่วัดฉิมพลีให้ฟังหน่อยละกัน
คือ ตอนแรก มันก็กลัวๆ กล้าๆ
หลังๆ นี่เดินตามตลอดเลย
ตามไปจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ
คงจะสุดเขตของมันแล้ว
มันเลยเลิกตาม
ยืนส่งด้วยอ่ะ
น่ารักดี >_<
ยักษ์จีน ที่ประตูวัดฉิมพลี เหมือนยักษ์วัดโพธิ์เลย
อันนี้ออกมาจากวัดแล้ว ป้ายระหว่างทาง
อยากได้ดีไม่ทำดีนั้นมีมาก
ดีแต่อยากแต่ไม่ทำน่าขำหนอ
ดีแต่อยากแต่ไม่ทำน่าขำหนอ
รูปปั้น เครื่องปั้นดินเผา ขนาดใหญ่ อยู่ริมน้ำ
จะเห็นว่า ที่นี่ ทำเครื่องปั้นดินเผากันเยอะมาก
ตอนเดินผ่าน นี่ เตาเผา เยอะแยะ
แต่บังเอิญ วันนี้วันธรรมดา
ร้านส่วนใหญ่ปิด
เลยไม่ได้ถ่าย พวกนี้มาเท่าไหร่
เดินต่อๆ
พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ มีพญาช้างและพญาวานร ด้วย
เดินต่อๆ
ชะเง้อดู
คนแก่ที่เฝ้าอยู่เลยชวนเชิญให้แวะชม สวนเกร็ดพุทธ
ทางเข้า สวนเกร็ดพุทธ
สวยงาม ร่มรื่น และ สงบ
ถ้าเสาร์อาทิตย์ คนก็จะเยอะกว่านี้
welcome to สวนเกร็ดพุทธ
รูปปั้นไก่
อันนี้ติดอยู่ในสวน
เตือนสติ ได้ มากเลย
เตือนสติ ได้ มากเลย
มันเป็นทางตรงเข้าไป แล้วแวะดูได้ สองข้างทาง
ตอนแรกนึกว่า นิดเดียว
เข้าไปลึกเหมือนกันนะ
ศาลาหลังคาจาก ในสวนเกร็ดพุทธ
เดินจนสุดทางเลย แล้วเดินวกกลับมา
ร่มรื่น เข้าไปแล้วสบายใจ
บางทีก็เป็นไม้ บางทีก็เป็นปูน
แต่ต้นไม้เต็มสองข้างทางเลย
keep walking
จะมีบ้านเป็นหลังๆ สร้างอยู่ในนั้นด้วย จำลองวิถีชาวบ้าน
ต่อๆ
กะลามะพร้าว เรียงกัน ก่อนถึงสะพาน
กะลามะพร้าว เรียงๆ กัน อยู่ที่พื้น
เอาไว้ทำไมก็ไม่รู้แหะ
ใช้แทนผ้า เผื่อคนย่ำอะไรแฉะๆมา ?
ไม่รู้เหมือนกัน
กะลา อยู่ก่อนถึงสะพานนี้แหละ
ใกล้ทางออกแล้ว
น้ำเย็นชื่นใจ
แต่วันนี้ มีแต่ กระติกเปล่าๆ
แต่วันนี้ มีแต่ กระติกเปล่าๆ
อีกมุม สวยๆ
อีกมุมๆ
ตอนจะออกเขามีให้บริจาคด้วย
ช่วยบำรุงสวนเกร็ดพุทธ
ยายคนเฝ้าอัธยาศัยดีมาก
ขอบคุณที่เรียกผมเข้าไปนะครับ ^^
ออกมาแล้ว เดินต่อๆ
เดินทางไกล ลูกเสือเลยนะเนี่ย
แต่ไม่หวั่นๆ ออกกำลังกาย
แต่ไม่หวั่นๆ ออกกำลังกาย
ที่นี่ ถนนลาดปูน ก็เห็นจะมีแต่ ทางเดินชมรอบเกาะ
สองข้างทาง จะเป็นคูน้ำ
แล้วก็มีไม้ปูลาดยาว เข้าไปในสวนชาวบ้าน
ทางเข้าสวน
หรือ เป็นไม้ หรือปูน ปูเข้าไปในบ้าน
บางบ้าน ก็จะมีประตู
ส่วนใหญ่ เขาจะเลี้ยงหมากัน
เอาไว้เฝ้าบ้าน
บางบ้านมีตั้งหลายตัวแน่ะๆ
ทางเข้าบ้าน
สวนมะละกอ
เส้นทางเดินเขาทำไว้ดีมาก มีป้ายบอกตลอดทางเลย
ตอนแรกเดินก็กลัวหลง
แต่ชาวบ้านแถวนั้นใจดี
มีป้ายบอกไปตลอดทาง
พระจันทร์ส่องหล้า
พระจันทร์ขึ้นแล้ว
อันนี้คือวัด อยู่อีกฝั่งนึง
ไม่รู้วัดอะไร
ไม่รู้วัดอะไร
ใกล้ถึงย่านขายของ + ของกิน
แต่วันนี้ปิดหมด
แต่วันนี้ปิดหมด
พอหมดย่านของกิน แล้วก็วกกลับไปที่ วัดปรมัยยิกาวาส
จริงๆ เดินได้สองแบบ
จากแผนที่เกาะเกร็ด
เริ่มเดินจากตรงนี้ แล้วเดินย้อนก็ได้
พอเดินรอบเกาะ ก็ประมาณ 3 ชั่วโมง
อย่างที่เขาบอกจริงๆ
ขาลากเลย
นั่งเรือที่ท่าน้ำที่เดิม กลับไปวัดสนาม
วัดสนามเหนือ ยามเย็น
ตอนกลับกะจะนั่งรถเมล์
แต่รถตู้มาก่อน เลยขึ้นรถตู้ ไปลงอนุสาวรีย์ฯ
ขอนั่งหน่อยเถอะ เดินมาโลกว่าแล้วเนี่ย
ทางนี้คุ้นเคยมาก
แถมๆ
ไม่ชัดอ่ะ - -"
รีบกดไปหน่อย
ไม่ชัดอ่ะ - -"
รีบกดไปหน่อย
จบละ
สนุกดีนะ ทริปนี้
ได้สัมผัสบรรยากาศ ธรรมชาติ โดยไม่ต้องไปไกลเลย
ทางเดินก็เปลี่ยวๆ หน่อย แต่ไม่มีโจรผู้ร้าย
ชาวบ้านก็ใจดี
เอ้อ ลืมเล่า
ระหว่างทางที่เดิน เขาติดป้ายว่า จับของขวัญปีใหม่ ของเด็ก ราคาห้ามเกิน 50 บาท
น่ารักดี
ref : thaitambon, travelfortoday, enn, navy84
ความคิดเห็น