จดบันทึกไว้บ้าง เผื่อตอนหลังกลับมาอ่านจะได้ไม่ลืม ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์โควิด19 มาเกือบสองปีแล้ว ไวรัสโคโรนาตัวร้ายที่ทำให้เราไม่สามารถออกไปข้างนอกได้อย่างปกติ อาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา บางคนไข้ 37.5 องศา ท้องเสีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย บางทีผิวหนังเป็นจุด อาการแตกต่างกันไปตามแต่ละคน ทำให้สงสัยได้ตลอดเวลาว่ากุติดรึเปล่าวะ ที่มันร้ายกว่าไข้หวัดคืออันตรายอยู่ที่ถ้าซวยไวรัสลงปอดแล้ว จะทำให้ออกซิเจนลงต่ำ ช่วยตัวเองไม่ได้ หายใจเองไม่ได้ จำเป็นต้องใช้เครื่องออกซิเจน จนอาจเสียชีวิตได้ แต่อัตราการลงปอดยังไม่มาก และอีกอาการนึงที่ข่าวออกมาให้เห็นบ้างคือ รักษาหายแล้ว พอไม่นานกลับไปตายที่บ้าน หรือ ตายระหว่างทางกลับบ้าน ส่วนตัวคิดว่า หมออาจจะลืมตรวจ คือ อาจจะไปอยู่ในกระแสเลือด ซึ่งตรงนี้อันตราย เพราะกระแสเลือดสามารถเข้าถึงอวัยวะทุกชนิดในร่างกาย อันนี้คิดเอาเอง แต่น่าจะเป็นไปได้ว่าจะเป็นแบบนั้น
ต้องขอบคุณการแพทย์ที่สามารถฟันได้ว่า โรคนี้ไม่ติดจากอากาศ แต่เกิดจากการติดเชื้อจากคนสู่คน ทำให้เราสามารถทำอะไรได้มากขึ้นเยอะเลยทีเดียว เพราะถ้าติดในอากาศจะเกิดความฉิบหายเกิดขึ้น เพราะจะป้องกันยังไง อากาศก็อยู่ทุกที่ ลอยไปลอยมา แต่ก็มีบางข่าวเขาบอกว่าติดทางอากาศ แต่เราว่าไม่น่าติดทางอากาศ ถึงติดก็น่าจะน้อย ต้องซวยจริงๆ อย่างป้าในข่าวที่เมืองนอกอยู่อพาร์ทเมนท์ ไม่ออกไปไหนเลย แต่เสือกติดเชื้อจากละอองฝอยฟุ้งมาจากท่อระบายน้ำ ถ้าป้าซื้อหวยคงถูกรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว
เพื่อป้องกันการติดเชื้อของตัวเอง ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้าน เขาให้อยู่บ้าน งดออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น หลายๆบริษัทให้ Work From Home เป็นตัวเร่งให้เทคโนโลยีเหล่านี้มาเร็วขึ้น แต่ก่อนก็มีมาบ้างแล้วแต่ว่ายังไม่มาก พวก Video call ต่างๆ เช่น แอพ Zoom สั่งอาหารก็ให้แบบ Delivery เอา งดการรวมกลุ่ม เพราะไวรัสติดจากคนสู่คน ล้างมือบ่อยๆ ล้างมือด้วยสบู่ หรือ เจลแอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อโรค เพื่อกันไวรัสที่ติดมาตามนิ้วมือเวลาไปสัมผัสของนอกบ้าน เพราะ ไวรัสอยู่ในพื้นผิวต่างๆได้ในเวลาไม่เท่ากัน เห็นในโปสเตอร์บอกว่าบางพื้นผิวอยู่ได้เป็นเดือน ตอนแรกก็ติดกันจากข้างนอก ไปๆมาๆ เริ่มลามมาติดถึงในบ้าน เขาถึงให้ แยกกันทานอาหาร กันละอองฝอยจากน้ำลายแพร่เชื้อใส่คนในบ้าน และ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รักษาสุขภาพกายให้แข็งแรง รักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ
มีเรื่องหน้ากาก ที่ยังเห็นคนข้างนอกทำกันแบบแปลกๆ คือ ใส่ไว้ใต้คาง ใส่ให้รูจมูกโผล่มาหายใจ หรือ พอไอ จาม ก็ดึงหน้ากากอนามัยลง ถึงขนาดมีข่าวว่า ออกมาบอกว่าตัวเองติดโควิดเพราะใส่หน้ากากอนามัยผิดด้าน
แต่คนดูช่วยกันดี ทางรัฐ มีเบอร์โทรให้สำหรับคนที่อาการไม่มาก และเบอร์โทรสำหรับคนที่อาการมากแยกกัน แต่โทรไม่ค่อยติดหรอก เพราะคนโทรเยอะ คู่สายน้อย เคยโทรตอนเช้ามืด ตีห้า หกโมง อะไรอย่างงี้จะมีคนรับ โทรติดง่ายหน่อย แต่ก็มีภาคเอกชนมาช่วยมากมาย บางท่านมาช่วยเพราะคนในครอบครัวเช่นพ่อแม่เคยเดือดร้อนจากโควิด เลยไม่อยากเห็นคนอื่นเดือดร้อนไปมากกว่านี้ หรือตั้งใจช่วยคน อันนี้น่าชื่นชม ขนาดวัดบางที่ยังสละพื้นที่วัด และ พระออกมาช่วยกันส่งข้าว ส่งยา แต่ก็ยังมีพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่ช่วยแล้วยังจะปลุกปั่นสร้างความแตกแยกเพื่อหวังผลทางการเมืองอยู่บ่อยๆ
ตอนที่คนยังติดไม่มาก รัฐจัดหาที่กักตัวไว้ให้ 14 วัน คนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ในประเทศที่คนติดเยอะๆก็มีเครื่องบินไปรับกลับมากักตัว มีข้าวมีน้ำให้ฟรีตลอด 14 วัน หรือ หลังๆ คนติดเยอะหน่อย ก็มี hospitel ก็คือ กักตัวที่โรงแรม ดูแลค่อนข้างดี ตอนหลังติดมากๆ ก็เลยต้องไปกักตัวเองที่บ้าน Home Isolation แต่ก็ยังมีส่งน้ำ ส่งยา และ บางที่ส่งเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดมาให้ด้วย
น่าแปลกที่ภาคธุรกิจชอบออกมาโวยวายขอเงินเยียวยา อย่างกลุ่มบางกลุ่มนี่ออกมาบ่อยมาก ก็สงสัยเหมือนกันว่า บางทีประกาศล็อกดาวน์ปิดร้านท่านไป ก็ออกมาให้รัฐช่วยเยียวยา แรกๆ รัฐก็ช่วยเยียวยา แต่นี่มันโควิดจะสองปีแล้ว และก็ไม่ใช่ล็อกดาวน์ครั้งแรกแล้ว ครั้งที่สองครั้งที่สามเข้าไปแล้ว ยังปรับตัวไม่ได้ก็ดูแปลกดี ทำให้นึกถึง ชาลล์ ดาร์วิน ขึ้นมาทันที แต่ก็อย่างที่ว่า กลุ่มที่ออกมาโวยวายบ่อยๆ ก็ส่วนใหญ่เป็นคนรวย ซึ่งก็แปลกว่า ช่วงนี้เห็นจัดอันดับคนรวยทีไร คนรวยก็รวยขึ้นทุกที
ล็อกดาวน์ 14 วันทำให้ได้เห็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็น จริงๆ อาจจะก่อนล็อกดาวน์ด้วยซ้ำที่คนกลัวเชื้อโรคไม่ค่อยกล้าจะออกมา รถที่เคยติดตามท้องถนนกลับโล่ง แม้กระทั่งที่ที่เคยรถติดบ่อยๆ อย่างห้าแยกลาดพร้าวหรือที่ไหนที่ไหน คือโล่งจนถึงขนาด เห็นคนเอาโซฟาไปถ่ายรูปกับนางแบบได้เลย ห้างที่เคยไปก็เปิดเพียงซูเปอร์มาร์เกต ร้านยา และ พวกร้านมือถือ ถ้าเอารถไปจอดนี่ จะต้องเดินผ่านแผนกอื่นที่ปิดไฟกันหมด ประตูที่เคยเข้าได้ ออกได้ บางประตูก็ปิด เขาให้เข้าทางประตูที่เขากำหนดเท่านั้น
วิธีตรวจคือ PCR (เพาะเชื้อ) ใช้เวลาหลายวัน กับ rapid test ซึ่งได้ผลในเวลาไม่นาน แต่เหมือน rapid test จะมี error เยอะอยู่ คือ ติดก็บอกว่าไม่ติด ไม่ติดก็บอกว่าติด ในอัตราไม่ใช่ 0.x% แต่ เป็น x% เห็นเขาว่าถ้าเชื้อน้อยจะตรวจไม่เจออีกต่างหาก
ตามหลักประกันสุขภาพ ถ้าติดโควิดรักษาฟรี รัฐก็มีการตรวจโควิดให้ฟรี ฉีดวัคซีนฟรี แต่ก็ยังจำนวนจำกัดต่อวัน ซึ่งบางที่ไปสายก็เต็มแล้ว หลังๆ ดีหน่อยให้จองผ่าน app ไม่ต้องเสียเวลาไป และไม่ต้องไปเสี่ยงกับคนจำนวนมากๆ ที่ตรวจเสียเงินก็มี ที่ตรวจโควิดของเอกชนบางที่ตีหัวเราเลยทีเดียว คิดราคา ตรวจ rapid test ขึ้นไป หกเท่า ฟันกำไรหัวแบะ ขอบคุณทางการแพทย์อีกนั่นแหละ ที่รู้ว่า ตรวจโควิด ถ้าไม่ติด ก็ต้องกักตัว 14 วันเพื่อดูอาการ ถ้าไม่มีอาการอะไรก็ไม่น่าจะติด เพราะรู้ว่าที่ตรวจมันมี error นั่นแหละ บางที่ก็แนะนำให้ตรวจซ้ำสองครั้ง
มีวัคซีนที่รีบเข็นออกมา ทดลองดีหรือยังไม่รู้ 1 ปี ก็เข็นออกมาแล้วยี่ห้อต่างๆ ซึ่งข่าวก็ออกว่าฉีดครบ 2 เข็มตามโดสแล้ว ก็ยังติดอยู่ดี ขนาดประเทศคนขายวัคซีนเอง ก็ยังติดเชื้อต่อวันสูงมากและตายสูงมาก เห็นข่าวบอกว่าคนที่ติดเชื้อเป็นพวกต่อต้านวัคซีน ไม่รู้ว่าฝรั่งที่ไม่ฉีดโง่หรือเขาตระหนักถึงอันตรายกันแน่ คนขายวัคซีนบอกว่าเข็มที่สองต้องฉีดเข็มที่สาม สงสัยไปๆมาๆ อาจจะต้องฉีดถึงหมื่นเข็ม
วัคซีนมีผลข้างเคียง บางคนฉีดแล้วเจอผลข้างเคียงตาย เหมือนเล่นอเมกันรูเหล็ด ผลข้างเคียงที่เห็นจิ๊บๆจ๊อยๆเลยดูไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือผลข้างเคียงที่ไม่ออกมาตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะออกมาในปี หรือ สิบปีให้หลัง เพราะ วัคซีนที่ขายก็ใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งไม่ใช่แบบเดิม เขาว่าผลิตได้เร็วกว่าแบบเดิม แต่เราเองไม่ค่อยเชื่อเทคโนโลยีใหม่ เพราะ เทคโนโลยีใหม่เคยทำแม่เพื่อนตาย รักษามะเร็งโดยกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาวไปกำจัดเซลล์มะเร็ง สุดท้ายเซลล์เม็ดเลือดขาวกำจัดเซลล์ดีไปทั้งร่างกาย
คนไทยไม่ทิ้งกัน เวลามีวิกฤตต่างๆ เช่น น้ำท่วม หรือ อะไรก็แล้วแต่ ทุกคนจะช่วยกัน เชื่อว่าประเทศอื่นก็เป็นแบบนี้ #เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ความคิดเห็น