วันก่อนมีคนโพสเรื่อง Midnight in Paris ก็เลยไปหามาดูสักหน่อย
ต้องยอมรับจริงๆ ว่า แรงดึงดูดเดียว ที่อยากดูเรื่องนี้ คือ ภาพวาด ของ Vincent Van Gogh บนท้องฟ้าของโปสเตอร์นั่นเองแจ้
Starry Night (interactive animation) from Petros Vrellis on Vimeo.
เท่าที่จับได้ หนังให้ข้อคิด อยู่สองเรื่อง
ซึ่งหลังจากนี้จะสปอยแล้วน้ะจ้ะ ถ้าไม่อยากเสียอรรถรสในการดูหนังก็อ่านข้ามไปเบยแจ้
- Happiness is here and now อันนี้สอดคล้องกับนิกายเซน ซึ่งเราเองเคยฟังคำสอนของ พระติช นัท ฮันห์ จากหมู่บ้านพลัม จากสารคดีของคุณ สุทธิชัยหยุ่น
ซึ่งมีหนึ่งประโยคที่ชอบมาก Quote มาให้อ่านกันน้ะจ้ะ
"But when our soul begins to look for happiness in some future experiences, happiness becomes unattainable; because Happiness is here and now"
สวยงามจนไม่กล้าแปลเป็นภาษาไทยเบยแจ้
กลับมาที่ตัวหนังเรื่องนี้ดีกว่า
หนังเรื่องนี้ ตอกย้ำ ในมุมที่ต่างออกไป
คือ ตัวพระเอก เป็นคนที่หลงใหล ยุครุ่งเรือง ในอดีต จนอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในช่วงยุคสมัยนั้น ( ในชีวิตจริง มีคนแบบนี้ด้วยหรอว่ะ ? )
ซึ่งเขากลับพบว่า คนที่อยู่ในยุครุ่งเรืองในอดีต ยุคที่เขาอยากไปนั้น ก็หลงใหล ยุคอีกยุคหนึ่งก่อนหน้านี้เสียอีก !
เขาจึงพบสัจธรรม ณ จ๊ะ
- ส่วนข้อสองนั้น เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ของความเข้ากันได้ในการครองคู่จ้ะ
ตัวพระเอกเห็นว่า ปารีส สวยงาม ในช่วงฝนตก โดยเขาอยากเดินตากฝนเพื่อชมความสวยงามเหล่านั้น
แต่ คู่หมั้นของเรา กลับเห็นต่างออกไป โดยเธอกลับ แท็กซี่
ต่างกับ หญิงสาวอีกคน ซึ่งเขาไปพบเธอในตอนหลัง ซึ่ง เธอบอกว่า เธอไม่กลัวเปียก แล้วพร้อมจะเดินไปกับเขา
แม้ว่าเนื้อเรื่องจะยืดเยื้อไปบ้าง เมื่อเทียบกับข้อคิดที่ได้จากหนัง
แต่ฉากในหนังสวยงามดี และ เพลงก็เพราะ ทำให้รวมๆแล้วดูดีทีเดียว
ซึ่งเพลงที่ชอบในเรื่องคือ เพลง Let's Do it โดยเฉพาะท่อนที่ร้องว่า "Even lazy jellyfish do it"
ได้ข่าวว่า คุณ Woody Allen ผู้กำกับเรื่องนี้ จะไปทำหนังแนวคล้ายๆ กันอย่าง To Rome With Love อีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจคงต้องคอยติดตามดูกันจ้ะ
ความคิดเห็น