เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปงานบวชเพื่อนที่ วัดจันทาราม ตำบลพิงพวย อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ !!
นี่เป็นครั้งแรกที่ออกอีสานเลยนะเนี่ย
จากกรุงเทพฯ ไปศรีสะเกษ ไกลมากๆ ผ่านหลายจังหวัด
แล้วก็เกือบหลุดประเทศไทย ไปเขมรแล้ว
นั่งรถตั้ง 7 ชั่วโมงแน่ะ
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า มีเพียงทางหลวงแผ่นดินหลักเท่านั้น ที่เป็นถนนลาดยางอยู่
ความรู้สึก ต่างกับ นั่งรถบนถนนในกรุงเทพฯ ลิบลับเลย
ในเมืองสองข้างทางมีแต่คอนกรีต
พอเราหลุดจากทางหลวงแผ่นดิน ลัดเลาะเข้า ถนนทางลูกร้ังเล็กๆ ลาดสู่หมู่บ้าน
ดูแล้วนึกถึงเรื่อง มานะ มานี เลยอ่ะ
บ้านไม้ เรียงๆ กัน
ถนนมีสายไฟ เล็กๆน้อยๆ
แต่ว่าไม่มีไฟถนน
ถ้าตอนกลางคืนก็มืดสนิท
ไม่มีรถนี่ หมดสิทธิ์ออกไปไหนเลย
พอไปถึงเขาก็เลี้ยงข้าว มื้อบ่ายๆ อีกรอบ
.
.
จริงๆ เราได้แวะกินข้าวกลางวันมากันก่อนแล้วระหว่างทางแล้ว
ที่เราไปกินกลางวัน จะเป็นอีกจังหวัดหนึ่งก่อนมาถึง
( คนท้องถิ่นเขาจะนั่งกันข้างนอก
ไม่ค่อยมีแมลงวัน
แต่เราดันนั่งกันข้างใน
แมลงวันเยอะมาก ก ก ก
กินไปต้องปัดรังควาญไป )
.
.
.
อาหารที่บ้านเพื่อนที่ศรีสะเกษ จะมีปลาร้า เป็นส่วนประกอบซะเป็นส่วนมาก
แต่ว่า ปลาร้าที่นี่ รสไม่ซ่าแหะ
แค่เค็มๆ ไม่ติดปากนานเหมือนปลาร้าที่เคยกิน
.
.
ส่วนข้าวจะมีทั้งข้าวเจ้า และข้าวเหนียว
แน่นอนว่า เราต้องกินข้าวเหนียวสิ
อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วนี่นา
.
.
หลังกินข้าวมื้อบ่าย ปลงผมเรียบร้อย
มีเวลานิดหน่อย ก่อนพระจะมาทำขวัญนาค ตอน 1 ทุ่ม
เลยได้มีโอกาสไปชมธรรมชาติ
.
.
.
เดินผ่านที่นาที่หว่านไว้แล้ว แต่ยังไม่มีน้ำ
เพื่อนบอกว่า ถ้านาไหนหว่านแล้ว เขาจะเอาถุงพลาสติกมาผูกเป็นธงไว้
.
.
.
แล้วก็ถ้าหน้าน้ำ จะมีคนมาตกปลาช่อน
ก็สงสัย
ว่า ปลาช่อนมาจากไหน
เพราะว่าแปลงนา เป็นแปลงนาปิด ไม่ได้มีทางให้ปลาเข้ามาได้
เขาบอกว่า ปลาช่อนดำดินอยู่
แปลกดีเหมือนกัน
แล้วเราก็มาถึงบึงน้ำ นี่รูปแมลงปอที่บึง
ต้นยูคาลิปตัส หรือว่า ต้นกระดาษ 2A ที่เขาโฆษณากัน
เพื่อนบอกว่า ต้นยูคานี้ จะปล่อยสารเคมี
ทำให้ พืช รอบๆตัวมันตายหมด
ตอนขากลับ เราติดใจกับต้นไม้นี่
เพราะว่าใบมันใหญ่มาก
เห็นเพื่อนบอกว่า มันคือ ต้นสัก
ตอนนี้ัมันยังเด็กอยู่
.
.
.
ต้นสักนี่โตปีละ 4 เมตร
เป็นพืชที่โตเร็วมาก
( ข้างหลังคือ ท้องนา ที่ได้เล่าไปแล้ว )
.
.
.
ตอนเย็นมีพระ 5 รูป นั่งรถกระบะ มาทำขวัญนาคให้
ก็มีการสวดมนต์
.
.
.
ก็นึกถึงเสียงพระสวดที่เคยได้ยินตอนกลางคืน
เวลาออกต่างจังหวัด
ที่เคยนึกหลอนกัน
จริงแล้วเป็นงานบุญ
.
.
.
ตอนกลางคืนอยู่ถึงตีสอง
นั่งอยู่นอกตัวบ้าน
แต่ว่า
ไม่มียุงมารบกวนเลย
แปลกจริงๆ
กลางดึก มีแมวมาเมี๊ยวๆ ตรงที่นอนกันด้วย
ที่นั่น หมาแมวเยอะมาก น่ารักดี
.
.
วันรุ่งขึ้น คุณลุง คุณป้า ตื่นกันแต่เช้าตรู่
มาทำอาหารสนุกสนานอยู่ข้างล่าง
ที่นี่ดีจัง
เวลามีงานอะไรเขาจะมาช่วยกัน
.
.
.
หลังจากรับประทานอาหารต่อจากพระที่ฉันเพลเสร็จ
ก็ได้เวลาบวชแล้ว ว ว ว
บวชกัน 7 คน เวลาแห่กลองยาว น่าจะยกกันมาทั้งหมู่บ้านเลย
ถ้ามองไปข้างหลังตามถนนเนี่ย คนต่อแถวกันยาวเหยียดดดด
คุณตา คุณยาย เซิ้งกันกระจาย
ทีมกลองยาว ลีลาเด็ดเหมือนกัน
เพื่อนผู้่หญิงอีกคนบอกว่า ถ้าไปรำหน้าขบวนนาค
จะได้เกิดเป็นนางฟ้า
ท่าทางงานนี้จะมีนางฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกหลายองค์เลยทีเดียว 55+
.
.
.
หลังจากรื่นเริง ก็เข้าสู่่ช่วงพิธีกรรมที่สงบ เมื่อนาคเริ่มเข้าโบสถ์
ชาวบ้าน ขบวนกลองยาว ก็ทยอยกลับ
แต่ว่าพวกเรายังรออยู่
ที่วัดจันทาราม มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่
ซึ่งคนท้องถิ่นบอกว่า ศักดิ์สิทธิ์มากๆ
แล้วก็มีบึง ให้เขาต้อนควายมาอาบน้ำกัน
ระหว่างทางที่เข้าจังหวัดมาส่วนใหญ่จะเห็นวัว เล็มหญ้าอยู่ตามท้องนา
ไม่ค่อยได้เห็นควาย
เห็นเขาบอกว่าเปลี่ยนไปใช้ ควายเหล็กกันหมดแล้ว
คราบจักจั่นที่ติดกับต้นไม้
สังเกตว่า มีรอยขาดที่ส่วนหลัง ตัวจักจั่น น่าจะออกมาจากตรงนั้น
.
.
.
ตอนแรก ที่ว่าจะไปเที่ยวเขาพระวิหารกัน เลยชวดไป
เพราะพระอุปัชฌาไม่ว่าง
ไปทำธุระที่ตำบลอื่นในตอนเช้า
งานบวช จำต้องเป็นช่วงบ่าย
ไม่เป็นไร ยังไงงานบวชเพื่อนก็สำคัญกว่าอยู่แล้ว
.
.
.
เห็นเพื่อนบอกว่า จะอยู่วัดนี้สักสองสามวัน
แล้วจะไปอยู่วัดป่า
ไปทางสายปฏิบัติไป
.
.
ขากลับเราแวะทานข้าวเย็นที่โคราช
ที่กสิกรไทยซีฟู้ด หน้าค่ายย่าโม
.
.
กลับถึงบ้านเที่ยงคืน
รุ่งขึ้นไปทำงาน
นับว่าเป็นทริปที่คุ้มค่าทริปหนึ่ง
สองวัน ทำโน่นนี่ได้เยอะแยะเลย
ความคิดเห็น