เล็งไว้นานมาก จนกระทั่งไปซื้อทองได้วันที่ราคามันลดต่ำสุดได้พอดี
แต่ดันติดด้วยความไม่รู้กฎทางร้าน ว่า ซื้อขาย ต้องขั้นต่ำ 5 บาท ( ตี แคชเชียร์เช็ค ไปไม่พอ )
ประกอบกับ ไปมะรุมมะตุ้มกับทองรูปพรรณเสียเหนื่อย กว่าจะเจอช่องซื้อ สุดท้ายกลับบ้านมือเปล่า
ตอนนี้เลยยังไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่มีศึกษาหาข้อมูลทางเลือกอื่นๆไว้บ้าง เช่น มีดูๆวิธีเปรียบเทียบงบการเงิน และ ดูราคาคอนโด เผื่อสำหรับข้อ 2 ไปด้วย ในตัว แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
มีไปเต๊าะๆ สาวๆ นะ แต่รู้สึกจะแห้ว #555
สาว social network นี่เต๊าะยากกว่า สาวจริง อีก
พอเจอสาวจริง ก็ติด deadlock
อยากรู้จัก -> ไม่กล้าเข้าไป -> แห้ว ใครจะไปกล้าว่ะ ผญ มาทีไม่ได้มาเดี่ยวซักหน่อย เพื่อนเพียบเบย
เข้าในวงเพื่อน -> ถ้าเขารู้ก็มองหน้าไม่ติดอีก -> เสียเพื่อนอีก -> สุดท้ายก็ไม่กล้าจีบ
ฮาๆ ชาตินี้จะมีแฟนไม๊เนี่ย
3. ให้ความสำคัญกับ "คน" มากกว่า "เครื่องจักร"
อันนี้ได้อยู่
เราเป็นคนมากขึ้นไปอีกขั้นนึงแล้วสินะ
เราเป็นคนมากขึ้นไปอีกขั้นนึงแล้วสินะ
หน้าที่การงานตอนนี้ ผลักดันให้ใกล้ชิดกับคน มากกว่า คุยกับเครื่องจักร
ข้อนี้เลยผ่านฉลุย
4. คิดดี ทำดี พูดดี
ไม่คิดแทนคนอื่น หรือ เอาความคิดที่ติดลบมาใส่หัว อันนี้ได้ต่อยอดจากคำสอนของพระรูปหนึ่งที่ วัดหลวงพ่ออุตตมะ ที่ สังขละบุรี เมือง กาญจนบุรี เลยจ้า เขาสอนเรื่อง อจินไตย คือ เรื่องที่ไม่ควรคิด
คือ คิดแล้วไม่เกิดประโยชน์ หรือ ว่า ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา
ขยายผลไปยังหน้าที่การงาน กล่าวคือ ไม่ก้าวก่าย งานคนอื่น
สงบนิ่งในเรื่องที่ไม่มีคำตอบ และ ไม่ใช่หน้าที่ เช่น จุดเริ่มต้นของจักรวาล หรือ ทฤษฎีอื่นๆ เพราะ เป็นหน้าที่ของนักฟิสิกส์ เราไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านนี้
ปล่อยวาง การเมือง ให้เป็นหน้าที่ ของคนที่มีหน้าที่ ทำตรงนี้
อันที่จริง พูดไปแล้ว การพูดวิจารณ์ หรือ พูดในเรื่องที่คนอื่นคิดว่ายาก หรือ ไม่รู้ ให้ได้ยิน นั้น อาจจะดูเท่ แต่ที่จริงแล้ว ถ้าคนที่เชี่ยวชาญด้านนั้นจริงมาบังเอิญได้ยิน เราก็จะกลายเป็น ไอ้โง่ ในทันที
ชีวิตสบายขึ้นเยอะ เวลาก็มากขึ้น แถมยังไม่หนักหัวไปกับเรื่องที่ไม่ควรจะหนัก ไม่ต้องไปเถียงกับ คนที่ไม่ควรจะเถียง ความสัมพันธ์ ต่างๆ ก็ดีขึ้น
ส่วน หนังไม่สร้างสรรค์ ที่ดูแล้วหดหู่ ก็หลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ยังมีหลุดๆ มาบ้าง นิดๆหน่อยๆ ยังได้อยู่ๆ
นับว่า มี ความสุข มากขึ้นจริงแท้ หลังจากฝ่ามรสุมจาก 2 ปีก่อนมาได้แล้ว
5. Standing on the shoulders of giants
1. automate
2. เงินออมเพิ่มพูน 10%
3. หยุดตะกละ
4. หาความรู้เพิ่มเติม
5. ให้อภัยผู้อื่น หยวนๆ บ้าง
ุ6. บุคลิกภาพ
อันนี้ทำได้ในตอนหลัง แต่คิดว่าจะฝึกให้เป็นนิสัย
อะไรที่มีคนทำอยู่แล้ว ก็ใช้ของเขานั่นแหละ ง่ายดี
หลังๆขี้เกียจด้วย #555
ต่อไปเป็นช่วง resolution ของปีนี้ 2012 น้ะจ้ะ
อันนี้ จริงแล้ว อ่านมาแล้ว สองที
จริงๆ เป็นอะไรที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่า คำนี้ทำให้มัน เป็นรูปธรรม
อะไรที่มัน automate ได้ก็ควร automate
อันนี้ รวมไปถึง การแก้ไข ความเห่ย ทั้งหลาย ที่สร้างความไม่สะดวก
เช่น การอดทนใช้โปรแกรมอันแสนอืดอาด, เปลี่ยน หมาไฟ ไปใช้ ร้านขายทอง แทน, หรือ อิพวก render VDO high-def ทั้งหลาย ช้านักว่ะ เด๋วเจอกัน
คือ ตั้งให้เป็นรูปธรรม แต่วิธีเป็นยังไงค่อยไปคิดกัน
ลองดูละกันเนอะ คราวนี้มีตัวเลขขึ้นมาในเป้าเลยแหละ
เนื่องจากช่วงหลัง ไม่ค่อยมีเวลาไปวิ่งเลย
เลยมาสร้างระเบียบในการกินแทน
ที่ว่าหยุดตะกละ ไม่ใช่ไม่กิน
แต่กินข้าวเป็นมื้อ งดกินเพราะอยากกินตอนไม่หิว เช่น พวกขนมทั้งหลายแหล่
ข้าวเป็นมื้อยังกินเหมือนเดิม ไม่ได้ทานข้าวเหลือ (ลดคาร์โบไฮเดรต อย่างที่หนังสือเขาแนะนำกัน) สงสารชาวนา
ถ้าหิวให้กินน้ำเปล่าแทน 666
Lifelong learning naja :)
อันนี้เอามาจาก หลักการทรงงานของในหลวง
quote มาเลยน้ะจ้ะ
''' ที่เรียกว่า "นักพัฒนา" จึงต้องเป็นผู้ที่อดทน เชื่อมั่นในคุณความดี มีใจเมตตากรุณา อยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ และอยากให้ผู้อื่นมีความสุข ต้องมีความรู้กว้างขวางเพราะงานพัฒนาเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆมาก ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้าใจและยอมรับนับถือผู้อื่นเพราะเป็นงานที่ไม่มีทางทำสำเร็จได้โดยลำพัง '''
สงสัยต้องทำให้ เป็น professional หน่อยว่ะ
7.
"I’m as proud of what we don’t do as I am of what we do." -Steve Jobs
เพราะว่า ชีวิตมี เวลา จำกัด น้ะจ้ะ
เจ็ดข้อก่อนละกันเนอะ ไว้นึกออกแล้วค่อยมาเติมเพิ่ม
ความคิดเห็น