ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2021

ประชากรโลกทั้งหมด 8,500 ล้านคน ถูกแบ่งเป็นแค่ 2 ประเภท คือ introvert กับ extrovert

เรื่องที่น่าตลกของความหลากหลายคือ ฝรั่งได้แบ่งประชากรโลกเกือบหมื่นล้านคนได้เป็นแค่สองประเภท คือ คนที่ชอบพูดเพ้อเจ้อ กับ คนที่เก็บตัวเงียบๆ ชาล์ลดาร์วินร้องไห้แล้ว ความหลากหลายทางชีวภาพหายไปไหนหมด หลังๆมีแยกออกมามีเพิ่มมาอีกพวกคือ พวกชอบเก็บตัวเงียบและชอบพูดเพ้อเจ้อเวลาอยู่กับเพื่อนสนิท มึงไม่ต้องนิยามเพิ่มก็ได้ เพราะว่าทฤษฎีมึงมั่วมาตั้งแต่แรก ต่อให้มึงนิยามเพิ่ม ก็ผิดอยู่ดี เพราะว่า เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน คนพูดเพ้อเจ้อก็มีโมเมนต์ที่อยากอยู่เงียบๆ คนอยู่เงียบๆก็มีโมเมนต์พูดเพ้อเจ้อ คนไม่มีสมอง ไม่รู้จัก ค.ว.ย. ก็เชื่อตามฝรั่งหมด ตลกดี

bitcoin กับระบบเสกเงิน

 ฝรั่งชอบคิดระบบเสกเงินขึ้นจากอากาศระบบใหม่ๆ โดยมีการอธิบายมั่วๆที่ไม่ค่อยจะเข้าใจสำหรับคนทั่วไปเท่าไหร่ เช่น เมื่อหลายปีก่อน ก็ตั้งระบบเสกเงินจากตลาดลักทรัพย์ สามารถเสกเงินจากอากาศ จากที่มูลค่ามองไม่เห็น เป็นมองเห็นเป็นตัวเงินได้ มาวันนี้ ก็มีระบบเสกเงินระบบใหม่ คือ สกุลเงินดิจิม่อง ที่ป่าวประกาศเหมือนว่าจะออกเหรียญแบบมีจำกัด  แต่กุออกแบบมีจำกัดหลายๆสกุลเงินไงหล่ะ อะฮิๆ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า ทำโดยมือที่มองไม่เห็นเจ้าเดียวกันกับที่คิดตลาดลักทรัพย์นั่นแหละ คนที่พอคิดเลขอะไรพิศดารๆได้ กับคนที่สร้างข่าว propaganda ให้คนเชื่อได้ในปริมาณมาก อิตาชาโตชินี่ก็คงไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน ที่มาตั้งระบบสำรองไว้เผื่อโรงงานพิมพ์เงินมั่วซั่วจะเจ๊งบ๊ง คนจับได้ทั่วโลกว่าเป็นแบงก์กงเต็ก เลยคิดอะไรมั่วๆมาอธิบายแล้วสร้างข่าวปลอมให้คนเข้าไปซื้อๆขายๆ  จริงๆ แล้ว ถ้าเราใช้แบงก์กงเต็ก ไปซื้อเหรียญ คนอื่นก็ใช้แบงก์จากโรงพิมพ์ที่พิมพ์ได้มั่วซั่วไปซื้อเหรียญ ต่อให้บอกว่าเหรียญมีจำกัด แต่เงินที่ไหลเข้าไปเป็นแบงก์กงเต็ก เหรียญนั้นจะยังมีมูลค่าอยู่อีกหรอวะ กุถามจริงๆ 

การประมาณการจากสิ่งที่ประมาณการมาอีกที

 ยกตัวอย่างการประมาณการหวย แทนที่จะประมาณการผลหวยจำนวน 6 หลัก ก็ไปประมาณการผลหวยที่จะออกแต่ละหลัก แล้วเอาผลการประมาณการมารวมกัน  จริงๆ แล้วมันใช้ได้จริงป่าววะ นี่คล้ายกับวิธีประมาณการลมๆแล้งๆ ในตำราฝรั่ง ที่แยกเป็น factor ย่อยๆ แล้วเอาผลประมาณการย่อยๆมารวมกัน เกิดประมาณการผิดซัก factor นึง หรือ ถ่วงน้ำหนักผิด จะทำให้ประมาณการอันใหญ่มั่วไปหมดเปล่าวะ  จริงๆ วิธีมันใช้ได้ผลจริงๆหรือเปล่า หรือทำแค่เป็นปาหี่ที่ทำตามๆกันมา

ซื้อหุ้นแบบถัว กระจายความเสี่ยง หรือ แกว่งเท้าหาเสี้ยน

ตำรา MBA โบราณของฝรั่งบอกว่า ให้ซื้อหุ้นแบบถัวเฉลี่ยหลายๆ อุตสาหกรรม  ถึงกับเอาคณิตศาสตร์งงๆมาหลอกเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือว่า ซื้อ 20 ตัวจะเฉลี่ยไปในทุกอุตสาหกรรมจะกระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะมันจะเน่าแค่ตอนตลาดลง (ฝรั่งชอบเอาอะไรมั่วๆที่คนทั่วไปเข้าใจยากมาตีหัวเข้าบ้านอยู่แล้ว) จริงๆ ถ้ามองในด้านที่ดีที่ตำราฝรั่งเป่าหูไว้คือ กระจายความเสี่ยง ถ้าอุตสาหกรรมเกิดพังไปบางอุตสาหกรรม บริษัทพังไปบางบริษัท ไข่ในตะกร้าใบอื่นก็ยังอยู่ดีอยู่ แต่มีอีกด้านที่ได้ ค.ว.ย. มา คือ การซื้อหุ้นถัวเฉลี่ยหลายๆอุตสาหกรรม คือ แกว่งเท้าหาเสี้ยนไปทั่ว กล่าวคือ ไม่ว่าสถานการณ์ยังไง มึงก็ต้องขาดทุนซักอุตสาหกรรม ยิ่งกระจายความเสี่ยงเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น เพราะแกว่งเท้าไปทั่วๆยังไงก็เจอเสี้ยนสักอุตสาหกรรม ไอคนขายคอร์สสอนรวยสอนโดยคนจนหรือแม้แต่คนที่ตั้งตัวเป็นกูรู้ของฝรั่งก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ ถึงว่า ไอคนจบ MBA ชอบพูดเรื่องหุ้น ตอนแม่มเพิ่งเรียนจบ แต่อีกไม่นานก็เลิกพูดไป เพราะขาดทุนยับ หรือไม่ก็ติดดอยรึเปล่า ตอน SET เน่าก็มีบางตัวเขียวหรือเปล่า ถ้าถือบางตัวก็กำไร แต่ถ้าถัวก็ขาดทุนยับ

แต่ก่อนคิดว่า เข้าตลาดหุ้นครั้งแรก หุ้นจะขึ้น ยังไงก็ทำกำไรได้แน่

แต่ก่อนคิดว่า เข้าตลาดหุ้นครั้งแรก หุ้นจะขึ้น ยังไงก็ทำกำไรได้แน่ ดูจากหุ้น OR และ หุ้น KEX แต่ดูเหมือนจะไม่เสมอไป ราคาเริ่มขาย 10 บาท ดันไปอยู่ในที่ที่เขา ซื้อกันตอน 10.2 บาทตอนตลาดเปิดพอดี สักพักขึ้นไป 10.5 แล้วหล่นมา 10.0  ปรากฎราคาปิดวันนี้ ตามภาพ